และก็มาถึง ISUZU D-MAX MAXFORCE รุ่นยอดนิยมและขายดีกับรุ่นตัวเตี้ยตั้งแต่รุ่น SPARK ตอนเดียว SPACECAB และ Cab 4 สี่ประตู
หน้าเดิมมาดเดิมเพิ่มเติมด้วยขุมพลังใหม่ ISUZU MAXFORCE ด้วยขนาดเครื่องยนต์ใหม่ 2.2 ลิตร พิชิตใจคนสู้ชีวิตขนานแท้
หน้าตาเดิมเริ่มที่ฝากระโปรงจดกันชนหน้ากระจังหน้าแนวนอนแบบเขี้ยวซ่อนรูป 2 ชั้น ดีไซน์เอกลักษณ์พร้อมตรา ISUZU ขนาดใหญ่แบบ 3-Dimension สีเงิน Silky Silver และ สีเทาเข้ม Dark Grey สอดรับกับไฟหน้า ISUZU Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยวที่ย้ายมาอยู่ในโคมเดียวกัน ในรุ่น Z และ L ส่วนรุ่น S ได้กระจังหน้าสีดำและสีเทา พร้อมไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์
ลงตัวกับชุดกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ผสมผสานกันกับช่องระบายอากาศทรงหกเหลี่ยมพร้อม Air Curtain นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับ รถสปอร์ตหรู ไฟตัดหมอกหน้า LED ในรุ่น Z และไฟตัดหมอกหน้าในรุ่น L ฝาท้ายใหม่ดีไซน์รูปตัว H พร้อมสปอยเลอร์ในตัวกระบะท้าย ไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED ในรุ่น Z และ L กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ในรุ่น Z และ L
ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 215/70R16 ในรุ่น Z (สีเงินทูโทน) และ L (สีเงิน) ส่วนล้อและยางขนาดอื่นยังคงเดิมทั้งกระทะล้อขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 215/70R15 ในรุ่น S และ B และกระทะล้อขนาด ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205R16C ในรุ่น Spark 4×4 S
มิติตัวรถรุ่น CAB4 ตั้งแต่ความยาว 5,230-5,300 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,810 มิลลิเมตร ความสูง 1,690-1,700 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,125 มิลลิเมตร ความกว้างฐานล้อหน้าและล้อหลังเท่ากัน 1,555 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 190-220 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,770-1,800 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร มิติกระบะท้ายมีขนาดยาวบรรทุกถึงใจตั้งแต่ความยาว 1,495 มิลลิเมตร กว้าง 1,530 มิลลิเมตร ความสูงในกระบะท้าย 490 มิลลิเมตร
มิติตัวรถรุ่น SPACECAB ตั้งแต่ความยาว 5,230-5,300 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,810 มิลลิเมตร ความสูง 1,690-1,700 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,125 มิลลิเมตร ความกว้างฐานล้อหน้าและล้อหลังเท่ากัน 1,555 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 190-220 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,740-1,775 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร มิติกระบะท้ายมีขนาดยาวบรรทุกถึงใจตั้งแต่ความยาว 1,805 มิลลิเมตร กว้าง 1,530 มิลลิเมตร ความสูงในกระบะท้าย 490 มิลลิเมตร
มิติตัวรถรุ่น SPARK ตั้งแต่ความยาว 4,930-5,245 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,810 มิลลิเมตร ความสูง 1,690-1,770 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,125 มิลลิเมตร ความกว้างฐานล้อหน้าและล้อหลังเท่ากัน 1,555 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 190-220 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,700-1,900 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร มิติกระบะท้ายมีขนาดยาวบรรทุกถึงใจตั้งแต่ ความยาว 2,330 มิลลิเมตร กว้าง 1,590 มิลลิเมตร ความสูงในกระบะท้าย 465 มิลลิเมตร
ภายในสะดวกสบายสไตล์พรีเมียมโดดเด่นด้วย “Miura” Design หรูหรามีมิติ ภายใต้แนวคิด High-Class & Sophisticated แผงคอนโซลหน้า Sharp Horizontal Layers เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบาย ตามหลัก Usability Design เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษในทุกการเดินทางด้วยโทนสีดำเงิน และดำ ชุดมาตรวัดเรืองแสงใหม่พร้อมจอขนาดใหญ่ 7 นิ้ว Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอ Integrated MID แสดงผลได้หลายฟังก์ชัน ในรุ่น Z
ส่วนรุ่น L กับรุ่น S ไดด้มาตรวัดความเร็วและรอบเครื่องขนาดใหญ่พร้อมจอแสดงข้อมูลดีไซน์ขนาด 3.5 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับระดับได้ 4 ทิศทางแบบ Tilt & Telescopic ดีไซน์ใหม่ พร้อม Cruise Control ในรุ่น Z หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 8 นิ้วรองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay
ระบบแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง และทิศทางการเลี้ยวของล้อ ที่หน้าจอ Integrated MID ในรุ่น Z และ Infotainment Display ลุยได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ในทุกรุ่น ช่องเสียบชาร์จ Charging Socket แบบ USB-C ชาร์จได้รวดเร็วทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง
พร้อมออปชันทั้งระบบเสียงรอบทิศทางเลือกได้ตั้งแต่ 2 จุด, 6 จุด และ 8 จุด Dynamic Surround Sound แผงควบคุมระบบปรับอากาศแบบ Semi Mode Control พร้อมช่องแอร์ด้านหลังในรุ่น Cab4 Z สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM 2.5 และไฟส่องแผนที่พร้อมกล่องเก็บแว่นตาบนแผงหลังคาขึ้นรูป กุญแจรีโมท Integrated Key พร้อม Immobilizer ในรุ่น Z, กุญแจรีโมท Integrated Key ในรุ่น L และเป็นออปชันใหม่ในรุ่น S
ปลดล็อกพร้อมลุยทุกงานบรรทุกหนักด้วยขุมพลังแรงและประหยัดด้วยเครื่องยนต์ใหม่ดีเซลเทอร์โบแปรผันไฟฟ้า E-VGS ขนาด 2.2 ลิตร รุ่น RZ4F-TC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ให้พลังแรงเพิ่มขึ้นสุดถึง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600 – 2,400 รอบต่อนาที
พัฒนาให้แรงบิดช่วงออกตัวสูงขึ้น 56% ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิม สูงสุด 10.7 % ตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้นใหม่! หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง 250 MPa. พร้อม ใหม่! ECM แบบ MULTI-CORE ประสิทธิภาพสูง
ใหม่! E-VGS TURBO เทอร์โบแปรผันควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ใหม่! ห้องเผาไหม้แบบ HIGH SWIRL เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้สมบูรณ์แบบ มาพร้อมกับลูกสูบใหม่ ULTRA-LOW FRICTION ที่ให้แรงเสียดทานต่ำพิเศษ เสื้อสูบแกร่งพิเศษ แบบ EXTREME STRENGTH พร้อมระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่! HI-FLOW และชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟืองและโซ่เหล็กกล้า TIMING GEAR & CHAIN
มาพร้อมระบบส่งกำลังใหม่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบ REV TRONIC รุ่น LB500 ครั้งแรกของอีซูซุให้อัตราทดเกียร์ต่อเนื่องในทุกช่วงความเร็วและใหม่! เกียร์ธรรมดา 6 สปีด แบบ GENIUS SPORT SHIFT รุ่น MVL6-K พร้อมอัตราทดใหม่ออกตัวได้ดีขึ้นแม้บรรทุกหนั และให้ความประหยัดน้ำมันที่ความเร็วสูงให้เลือกในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อมาตรฐานและรุ่นยกสูง Hi-Lander
และขุมพลังยอดนิยมที่คนไทยต่างไว้ใจยาวนานด้วยดีเซลเทอร์โบแปรผันไฟฟ้า E-VGS Turbo รุ่น 4JJ3-TCX E5 ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูง 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาทีพัฒนากล่อง ECM ใหม่ แบบ MULTI-CORE ประสิทธิภาพสูง มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อม Genius Sport Shift และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม RevTronic และ Paddle Shift
2 เครื่องยนต์และผ่านมาตรฐานการปล่อยไอเสีย EURO5 ด้วยการใช้เทคโนโลยีตัวกรองเขม่าไอเสียในเครื่องยนต์ดีเซล DPD (Diesel Particulate Diffuser) ลดเขม่าและฝุ่นขนาดเล็กจากการเผาไหม้จากเดิมจะมี แคทาลิติก คอนเวอร์เตอร์
ยังคงสามารถรักษาสมรรถนะรถประสิทธิภาพการใช้งานอันยอดเยี่ยม และยังสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดยไม่เติมน้ำยาบำบัดไอเสียในเครื่องยนต์ดีเซล เช่น AdBlue ต่างกับเทคโนโลยีบำบัดไอเสียอื่นๆที่ต้องเติมน้ำยาบำบัดไอเสีย เช่น AdBlue ตลอดการใช้งาน เป็นการเพิ่มภาระและค่าใช้จ่ายแก่ผู้ใช้รถ
ให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อมาตรฐานและขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Time Terrain Commandในรุ่น Spark 4×4 ล็อกเฟืองท้ายควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า Diff-Lock ใหม่ Rough Terrain Mode ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ เบรกให้เหมาะสมเพื่อให้สามารถผ่านอุปสรรคไปได้ ทำงานได้ทั้ง 2H, 4H และ 4L ช่วงล่างแกร่งทนเกาะถนนเหนือชั้นเพื่อดุลยภาพในการขับขี่ทั้งขณะรถเปล่า และบรรทุกหนัก
มั่นใจทั้งระบบความปลอดภัยทั้งระบบเบรก ABS กระจายแรงเบรก EBD ช่วยเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน BA กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะ Lane Guideในรุ่น Z และรุ่น L ทั้ง SPACECAB และ CAB4 จุดยึดที่นั่งสำหรับเด็ก ISOFIX สำหรับเบาะหลังในรุ่น 4 ประตู ระบบ BOS (Brake Override System) ลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ESS (Emergency Stop Signal) เปิดไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ปลดล็อกประตูอัตโนมัติ เมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน
ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติและ SPARK 4×4 ติดตั้งระบบความปลอดภัยเพิ่มเติมทั้งระบบควบคุมการทรงตัว ESC ป้องกันการลื่นไหล TCS ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) กระจกบังลมหน้าแบบ IR Cut ช่วยกรองรังสีอินฟราเรด ป้องกันรังสี UVA และ UVB ในรุ่น Cab4 Z
ISUZU D-MAX MAXFORCE มีสีทั้งหมด 3 สี ตั้งแต่ *สีใหม่ สีเทาเอลบรุส โอเพค (Elbrus Grey Opaque) *สีเงินโบฮีเมียน เมทัลลิก (Bohemian Silver Metallic) และสีขาวไซบิเรียนไวท์ Siberian White ราคาจำหน่ายดังนี้
CAB4 สี่ประตูขับเคลื่อน 2 ล้อมาตรฐาน
- รุ่น 2.2 Z ราคา 895,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 5,000 บาท)
- รุ่น 2.2 L Auto ราคา 873,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 9,000 บาท)
- รุ่น 2.2 L ราคา 829,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 5,000 บาท)
- รุ่น 2.2 S Auto ราคา 793,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 7,000 บาท)
- รุ่น 2.2 S ราคา 749,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 3,000 บาท)
SPACECAB ตอนครึ่งขับเคลื่อน 2 ล้อมาตรฐาน
- รุ่น 2.2 L Auto ราคา 777,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 9,000 บาท)
- รุ่น 2.2 L ราคา 733,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 5,000 บาท)
- รุ่น 3.0 S ราคา 693,000 บาท (ราคาเดิม)
- รุ่น 2.2 S Auto ราคา 712,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 7,000 บาท)
- รุ่น 2.2 S ราคา 668,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 3,000 บาท)
- รุ่น 3.0 S Auto 4WD ราคา 780,000 บาท (รุ่นใหม่)
- รุ่น 3.0 S 4WD ราคา 740,000 บาท (ราคาเดิม)
- รุ่น 3.0 S ราคา 648,000 บาท (ราคาเดิม)
- รุ่น 2.2 S Auto ราคา 672,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 7,000 บาท)
- รุ่น 2.2 S ราคา 628,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 3,000 บาท)
- รุ่น 2.2 B ราคา 595,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 3,000 บาท)
- รุ่น 2.2 B Flat Deck ราคา 692,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 3,000 บาท)
- รุ่น 2.2 Cab Chassis Auto Refrigerator ราคา 602,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 7,000 บาท)
- รุ่น 2.2 Cab Chassis Refrigerator ราคา 563,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 3,000 บาท)
- รุ่น 2.2 Cab Chassis ราคา 558,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 3,000 บาท)
* สีเมทาลิค เพิ่มเงิน 7,000 บาท