เรียกว่าเป็นการข่มขวัญคู่แข่งอย่างเต็มรูปแบบสำหรับ New MG4 Electric เก๋งไฟฟ้ารุ่นล่าสุดที่ MG ประเทศไทย เตรียมที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
และเพื่อเป็นการดักคอคู่แข่งทาง MG ส่งข่าวมาบอกสาวกที่สนใจ New MG4 Electric โดยจะเปิดรับจองพร้อมกันในวันที่ 15 พฤศจิกายน ทางออนไลน์ทั้ง MG THAILAND Application และ https://www.mgcars.com โดยรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นแรกของค่ายมาในร่าง C-Segment Hatchback 5 ประตู ตั้งแต่ไฟหน้า LED ดีไซน์หกเหลี่ยม พร้อมไฟ DRL แบบ LED กับกระจังหน้า ดีไซน์ ‘shark-nosed’ และเส้นแนวตั้ง 2 เส้น Fins รวมอยู่ด้วย โดยรวมด้านหน้ามาในแบบรูปตัว X ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55R17 ไฟท้าย LED แนวตั้งพาดยาวครอบทั้งฝาท้ายพร้อมกันชนหลังทรงสปอร์ต ตัวรถมาจากพื้นฐาน SAIC Nebula Technology หรือ Modular Scalable Platform (MSP) แพลตฟอร์มสำหรับรถไฟฟ้าซึ่งถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ
ภายในห้องโดยสารออกแบบที่มุ่งเน้นความกว้างแต่ยังคงความสะดวกสบายต่อการใช้งานด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านแบบท้ายตัด D-Shape จอสัมผัสแบบแท็บเล็ตขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay เชื่อมต่อระบบข้อมูลรถ i-Smart ได้บวกกับมาตรวัดดิจิทัล 7 นิ้ว เบาะนั่งทรงสปอร์ตสีดำหุ้มหนัง คอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่ เย็นสบายด้วยระบบปรับอากาศดิจิตอล ที่วางชาร์จมือถือไร้สายที่วางแก้ว และพื้นที่ด้านหลังสำหรับวางสัมภาระที่จุมากขึ้น
ขุมพลังไฟฟ้าอ้างอิงจากสเปกยุโรปด้วยความจุแบตเตอรี่ถึงสองขนาดตั้งแต่ 51 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวให้กำลังมากถึง 170 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,000-3,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7.7 วินาที วิ่งไกลสุด 350 กม./การชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP สำหรับรุ่น Standard
ส่วนรุ่น Comfort มาพร้อมความจุแบตที่ใหญ่กว่า 64 kWh ให้กำลัง 204 แรงม้าที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,000-3,500 รอบ/นาที วิ่งไกลสุด 450 กม./การชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7.9 วินาที และรุ่น Luxury ความจุแบต แรงม้า แรงบิดและอัตราเร่งเท่ากับรุ่น Comfort แต่วิ่งไกลสุด 435 กม./การชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP ทุกขุมพลังจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction ขับเคลื่อนล้อหลังและทำความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม.
โดยแบตเตอรี่ประกอบด้วยเทคโนโลยี CTP (Cell-To-Pack) ระบายความร้อนได้ดีแถมชุดแบตมีขนาดกะทัดรัดตั้งแต่ความยาว 1,690 มม. ความกว้าง 1,300 มม. บางถึง 110 มม. สามารถปรับความสูงของชุดแบตตั้งแต่ 137 กับ 140 มม. ยังเป็นรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำมากเพียง 490 มม. กระจายน้ำหนักเท่ากัน 50:50 เด่นในเรื่องความสนุกสนานในการขับขี่ ทั้งอัตราเร่งที่ทันใจ พวงมาลัยที่ตอนสนองฉับไวเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ รองรับด้วยระบบช่วงล่างสมรรถนะสูงด้วยแบบอิสระสี่ล้อโดยด้านหลังมาแบบ five-link rear suspension และผ่านมาตรฐานความปลอดภัย 5 ดาว จาก EURO NCAP โดยเมืองไทยที่จะเปิดในเดือนพฤศจิกายน อาจโชว์ตัวจริงที่งาน Motor Expo 2022 ช่วงวันที่ 1-12 ธันวาคม นี้