More

    ตารางผ่อน – ดาวน์ 2023 NEW MG4 Electric ทุกรุ่น ผ่อนเริ่มต้นที่ 11,272 บาท

    เปิดราคาขายอย่างเป็นทางการสำหรับ New MG4 Electric ในงาน Motor Expo 2022 เก๋งแฮทช์แบ็กพลังไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกของค่ายที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง สีสันสดใส

    ดีไซน์ภายนอก MG4 Electric

    • ไฟหน้า LED ดีไซน์หกเหลี่ยม LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX HEADLIGHTS
    • พร้อมไฟ DRL แบบ LED
    • กระจังหน้า ดีไซน์ ‘shark-nosed’ และเส้นแนวตั้ง 2 เส้น Fins รวมอยู่ด้วย โดยรวมด้านหน้ามาในแบบรูปตัว X
    • ล้ออัลลอยและ AERO WHEEL COVER ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55R17
    • หลังคาแบบทูโทน
    • สปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING
    • ไฟท้าย LED แนวตั้งพาดยาวครอบทั้งฝาท้ายแบบ ลาย CGYNUS SYMBOL DECORATIVE LIGHT
    • กันชนหลังทรงสปอร์ต

    ตัวรถมาจากแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะสามารถนำไปปรับใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ครอบคลุมหลากหลายเซกเมนต์ หลายขนาด ตั้งแต่รถแฮทช์แบ็ค ซีดานไปจนถึงรถกระบะ รวมถึงรองรับแบตเตอรี่หลากหลายความจุ ตั้งแต่ความยาว 4,287มม. ความกว้าง 1,836 มม. ความสูง 1,516 มม. ฐานล้อ 2,705 มม. และระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มม.

    ดีไซน์ภายใน MG4 Electric

    • คอนโซลกลาง FLOATED CENTRAL CONTROL PLATFORM
    • อุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless charger)
    • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง
    • ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์
    • กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ
    • หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Dual Screen แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display)
    • หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว
    • ลำโพง 6 จุด
    • รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ สมาร์ทโฟนระบบ Android
    • ช่องเชื่อมต่อ USB TYPE A และ C
    • ช่องจ่ายไฟ Power Outlet 12V
    • ระบบปรับอากาศดิจิตอล
    • กรองอากาศ PM2.5
    • เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
    • เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง ปรับ 60:40
    • โหมด Intelligent Smart Access เมื่อผู้ขับขี่อยู่ในตำแหน่งคนขับ เพียงเหยียบเบรกระบบการทำงานของรถจะสตาร์ทอัตโนมัติ

    เทคโนโลยีและฟีเจอร์ต่าง ๆ

    • ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART ยกระดับคุณค่าและประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า
    • ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ (Smart Check) ที่ครอบคลุมระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่และการชาร์จ ไปจนถึงการค้นหาสถานีชาร์จ โดยล่าสุดได้เปิดตัวฟีเจอร์ BATTERY DOCTOR บนแอพพลิเคชั่น MG THAILAND บันทึกและวิเคราะห์ พฤติกรรมการใช้งาน พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งาน
    • เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ง่ายยิ่งขึ้นด้วยระบบสั่งการอัจฉริยะ (Smart Command)
    • ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Smart Connect)

    สมรรถนะเครื่องยนต์ ขุมพลังไฟฟ้าที่จำหน่ายในไทยเป็นมอเตอรไฟฟ้าเดี่ยว Permanent Magnet Synchronous Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง 170 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,000-3,500 รอบ/นาที จากความจุแบตเตอรี่ 51 kWh วิ่งไกลสุด 425 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC โหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT, CUSTOM และ SNOW จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction พร้อมช่วยชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ในขณะชะลอรถ ด้วยระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่ (ADAPTIVE)

    ชุดแบตเตอรี่มาพร้อมเทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY จัดเรียงเซลล์แบบแนวนอน ระบายความร้อนได้เป็นอย่างดีด้วยระบบ LIQUID COOLING SYSTEM ตามมาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น ง่าย สะดวกสบาย ทุกการชาร์จ ด้วยระบบการชาร์จ 2 รูปแบบ รองรับทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge โดยชาร์จแบบเร็ว Quick Charge DC กระแสตรง ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% – 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที รองรับการชาร์จสูงสุด 88 kWh และชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge AC กระแสสลับ ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8.30 ชั่วโมง รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW และรองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า

    ด้วยแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อรถไฟฟ้าโดยเฉพาะมาพร้อมการควบคุมที่มั่นใจกับพวงมาลัยรูปแบบใหม่ DUAL PINION ควบคุมด้วยไฟฟ้าให้รัศมีวงเลี้ยว 5.3 เมตรการกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ควบคู่กับการออกแบบลักษณะ Low Centre of Gravity ที่ให้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำมากเพียง 490 มม. ความสนุกสนานในการขับขี่ ทั้งอัตราเร่งที่ทันใจ พวงมาลัยที่ตอนสนองฉับไวเข้าโค้ง มั่นใจด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบอิสระ 5-Link Suspension

    โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) และความปลอดภัยมาตรฐาน Advanced Synchronized Protection System 26 ระบบ ช่วยเตือนอุบัติเหตุจากมุมอับสายตา และระบบช่วยควบคุมการขับขี่ ได้แก่

    • ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
    • ป้องกันล้อล็อก ABS
    • ระบบกระจายแรงเบรก EBD
    • เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
    • ควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
    • ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
    • ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
    • ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist)
    • สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System)
    • ระบบ LDP (Lane Departure Prevention) LKA (Lane Keep Assist) และ ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) เข้าไว้ด้วยกัน
    • ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
    • ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
    • ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
    • ช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
    • ช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
    • ช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
    • ช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking)
    • เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
    • ตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
    • ช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)

    นอกจากนี้ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และ ม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง กุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) และไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)

    NEW MG4 ELECTRIC ประกอบด้วย 2 รุ่นย่อย ได้แก่

    • รุ่น D ราคา 869,000 บาท
    • รุ่น X ราคา 969,000 บาท

    โดยราคาดังลกล่าวเป็นราคาหลังหักส่วนลดมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า

    โดยมีสีตัวถังให้เลือกถึง 5 สี คือ

    • สีฟ้า Brighton Blue
    • สีดำ Black Knight
    • สีแดง Scarlet Red
    • สีเทา Andes Grey
    • สีขาว Arctic White

    ตกแต่งภายในด้วยสีดำ (Black) ในรุ่น D และสไตล์ทูโทนเทา-ดำ (Grey & Black) ในรุ่น X

    ตารางผ่อน – ดาวน์ 2023 NEW MG4 Electric

     

    หากท่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมของ 2023 NEW MG4 Electric สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ตัวแทนจำหน่ายที่โชว์รูม MGได้ทั่วประเทศ

    *เงื่อนไขการคิดดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทกำหนด


    บทความอื่น ๆ

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts