Renault 5 E-Tech ใหม่ ที่เป็นเวอร์ชันการผลิตได้รับการเปิดเผยแล้ว โดยมีภาพถ่ายอย่างเป็นทางการออกมาบนโลกออนไลน์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งาน Geneva Motor Show 2024
รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ยังคงอยู่ระหว่างการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ซึ่งพร้อมที่จะแข่งขันกับ Mini Cooper EV ภาพสิทธิบัตรจากองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกได้ให้แนวคิดที่ดีพอสมควรแล้วว่า Renault 5 ที่เป็นคอนเซ็ปต์คาร์ จะเปลี่ยนไปสู่รถที่วิ่งได้บนท้องถนนได้อย่างไร
Renault 5 ใหม่ยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายเมื่อทียบกับแนวคิดเมื่อปี 2021 โดยสะท้อนภาพเงาและความแตกต่างสไตล์ส่วนใหญ่ไปจนถึงล้อ ไฟหน้าที่เฉียบแหลมสามารถสร้างความแตกต่างให้กับรถยนต์ทั่วไปได้ รวมถึงสัญลักษณ์เรโนลต์ด้านหน้าที่ดูเรียบง่ายมากขึ้น กระจกมองข้างและมือจับแบบธรรมดา และไฟที่ประณีตที่ปลายทั้งสองข้าง
หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นภายนอกคือไฟแสดงการชาร์จแบบใหม่ที่วางอยู่ที่ด้านบนของฝากระโปรงหน้า โดยได้รับแรงบันดาลใจจากช่องรับอากาศอันเป็นเอกลักษณ์ของ Renault 5 รุ่นดั้งเดิม เมื่อพิจารณาถึงลักษณะทางไฟฟ้าของโมเดลซัปคอมแพค นักออกแบบของ Renault จึงใช้พื้นที่นี้ สำหรับแผงกราฟิกที่สว่างขึ้นทุกครั้งที่รถเชื่อมต่อกับเครื่องชาร์จ โดยแสดงระดับการชาร์จปัจจุบัน เมื่อแบตเตอรี่เต็มความจุ จอแสดงผล LED จะมีรูปร่างเป็นเลข 5
รูปภาพยังเผยให้เห็นชุดไฟของ R5 อีกด้วย ไฟหน้ามีกราฟิก LED ที่แตกต่างกันเมื่อเปรียบเทียบกับแนวคิด เรโนลต์กล่าวว่าจุดสีดำที่อยู่ตรงกลางของไฟหน้าแต่ละดวงมีลักษณะคล้ายกับรูม่านตาของมนุษย์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากโฆษณาวินเทจของรุ่น 5 ดั้งเดิม
อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจของ Renault 5 แบบคลาสสิกนั้น เห็นได้ชัดจากไฟท้ายที่ติดตั้งในแนวตั้ง เชื่อมต่อกันด้วยชิ้นส่วนตกแต่งสีดำ มีส่วนต่อขยายเล็กๆ น้อยๆ จากแผงด้านข้าง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ของรถแฮทช์แบ็กโดยการลดความปั่นป่วนของอากาศ แม้ว่าผลกระทบตามหลักอากาศพลศาสตร์มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่องค์ประกอบที่ยื่นออกมาเหล่านี้ทำให้รถยนต์ดูดีขึ้นด้วย
คุณสมบัติที่โดดเด่นอีกประการหนึ่งคือบังโคลนหลังที่เด่นชัดซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก R5 Turbo อันโด่งดัง ทำให้ EV มีรูปลักษณ์แบบแฮทช์แบค ซึ่งหมายความว่า Alpine จะไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากนักในการออกแบบเวอร์ชันที่เน้นประสิทธิภาพของตัวเอง
ภายในของ R5 E-Tech Electric ผสมผสานองค์ประกอบย้อนยุคและสีสันที่สดใสชวนให้นึกถึงรุ่นดั้งเดิมพร้อมลูกเล่นที่ทันสมัย ตรงกลางเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้วซึ่งรวมกับแผงหน้าปัดดิจิตอล Infotainment OpenR Link ที่ขับเคลื่อนโดย Google สามารถโฮสต์แอปพลิเคชันและบริการได้มากกว่า 50 รายการ ในขณะที่แนะนำผู้ช่วยดิจิทัลที่เปิดใช้งาน AI ใหม่ที่เรียกว่า “Reno”
อุปกรณ์ความปลอดภัย ได้แก่ Active Driver Assist ซึ่งเป็นระบบ ADAS ระดับ 2 คุณสมบัติเด่นอื่นๆ ได้แก่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมปุ่มสตาร์ทที่โดดเด่น และวัสดุผ้าอันทันสมัยที่ใช้ทั่วทั้งห้องโดยสาร และวัสดุรีไซเคิลที่มาจากแหล่งชีวภาพ Renault ให้ความสำคัญกับธรรมชาติที่ยั่งยืนของ EV ซึ่งสามารถรีไซเคิลได้ 85% ในแง่ของการใช้งานจริง
ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวที่มาจาก Megane E-Tech และ Scenic E-Tech ที่มีขนาดใหญ่กว่า มีให้เลือก 3 แบบ ให้กำลัง 94 แรงม้า, 121 แรงม้าและ 148 แรงม้า
Renault ได้ยืนยันตัวเลือกชุดแบตเตอรี่อย่างเป็นทางการแล้ว 2 แบบ โดยมีความจุ 40 kWh และ 52 kWh ชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่จะพร้อมจำหน่ายตั้งแต่เปิดตัว โดยมีระยะทางที่วิ่งได้สูงสุด 400 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ในอนาคต เทคโนโลยีนี้จะสนับสนุนเทคโนโลยี V2G (vehicle-to-grid) ซึ่งช่วยให้เจ้าของสามารถขายพลังงานกลับเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้าได้
ราคาเริ่มต้นของ Renault 5 E-Tech จะอยู่ที่ประมาณ 25,000 ยูโร ประมาณ 972,000 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน ซึ่งวางตำแหน่งได้ตรงต่อการแข่งขันกับรถรุ่นปัจจุบันและรุ่นที่กำลังจะเปิดตัวหลายรุ่น อย่างเช่น VW ID.2 ในขณะที่ก็มีตัดราคา Peugeot E-208 ด้วย อย่างไรก็ตาม มันมีราคาที่สูงกว่า Citroen e-C3 ที่เพิ่งเปิดตัวเล็กน้อย คู่แข่งอื่นๆ ได้แก่ Mini Cooper Electric และ Fiat 500e
Source: Carscoops
