ทำตลาดจีนมา 2 ปีพึ่งขยายตลาดต่างประเทศตั้งแต่ปีนี้สำหรับ XPENG X9 ล่าสุดเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2025 หรือ MY2025 อย่างเป็นทางการ
XPENG X9 MY2025 เอ็มพีวีใหญ่พลังอีวีล้วนปรับปรุงใหม่ยกระดับความสะดวกสบาย เทคโนโลยี และความสามารถในการขับขี่อัจฉริยะที่เฉียบขาดขึ้นกว่ารุ่นก่อน
หน้าตาเดิมๆแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปนั่นคือล้ออัลลอยลายใหม่ทูโทนปัดเงาลายหลายก้าน Star Gaze ขนาด 20 นิ้ว พร้อมดุมล้อล็อกตำแหน่งโลโก้ไว้ไม่ให้หมุนตามแรงเฉื่อยของล้อ พร้อมยาง 235/50R20 และยังมีขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 235/55R19 ประตูคู่หน้าและประตูสไลด์ 2 ฝั่งเปิด-ปิดด้วยระบบสุญญากาศแบบดูด Soft-close Doors และเสริมคิ้วโครเมียมซ้าย-ขวามุมกันชนหน้าและตัดระบบ LiDAR ออกไป
นอกนั้นคงเดิมทั้งชุดไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED ใต้ฝากระโปรงแบบมีขอบพร้อมตราโลโก้ประจำค่าย ถัดลงมาเป็นชุดไฟหน้า LED ดีไซน์กลมกลืนรับกับชุดกันชนหน้าปิดทึบและช่องระบายอากาศแบบรังผึ้ง มือจับประตูแบบฝังเรียบ ไฟท้าย LED แนวยาวทรงสปอร์ตรับกับหลังคาลาดแบบ Hatchback
ด้านหลักอากาศพลศาสตร์ แปลกใหม่ไม่เหมือนเดิม ความใส่ใจในรายละเอียดนี้ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอยู่ที่ 0.227ซึ่งน่าประทับใจสำหรับรถขนาดใหญ่มากสร้างจากแพลตฟอร์ม SEPA 2.0 platform (Smart Electric Platform Architecture) จากโครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีมิติขนาดใหญ่ตั้งแต่
- ความยาว 5,293 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,988 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,785 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3160 มิลลิเมตร
ภายในมีการปรับปรุงในส่วนเบาะนั่ง 7 ที่นั่งแบบ 2+2+3 แบบ ZERO GRAVITY ออกแบบตามสรีระผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งตอนหน้าและตอนที่ 2 พร้อมระบบนวดในเบาะนั่ง 10 จุดเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และเสริมระบบนวด 16 จุดเป็นออปชันเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยระบบนวดนี้ช่วยลดแรงกดที่สะโพกได้ 22% แรงกดที่ข้อต่อสะโพก 36% แรงกดที่กระดูกสันหลัง 60% และแรงกดที่กระดูกสันหลัง 13% เมื่อเปิดใช้งาน
ในส่วนเบาะนั่งตอนที่ 2 ติดตั้งบนแถบเลื่อนไฟฟ้าจากเดิมตัวเบาะจะชิดติดกันครั้งนี้ปรับให้แยกกันเพื่อความสะดวกในการเข้าไปยังเบาะนั่งตอนที่ 3 ในการแยกเบะตอนที่ 2 ครั้งนี้ทำให้ห้องโดยสารมีพื้นที่ใช้สอยถึง 7.7 ตารางเมตรและทางเดินกว้างขึ้น 165 มิลลิเมตร ช่วยให้เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีสามารถเดินไปนั่งเบาะตอนที่ 3 ได้อย่างสะดวกและความสูงของห้องโดยสาร 1,360 มิลลิเมตร
ในขณะที่เบาะนั่งแถวที่ 3 เพิ่มฟังก์ชันปรับไฟฟ้าในส่วนพนักพิงและหมอนรองศีรษะและพับราบด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อมีพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 2,554 ลิตร แต่ถ้าไม่พับจะมีพื้นที่ 755 ลิตร
ผู้โดยสารแถวที่ 2 สามารถผ่อนคลายขณะชมรายการบันเทิงบนจอทีวีติดเพดานขนาดใหญ่ 21.4 นิ้วสามารถปรับเอียงจอได้ตั้งแต่ 0-75 องศาและตัวจอป้องกันแสงสีฟ้าในยามค่ำคืนโดยได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland
ก้าวเข้าสู่ภายในเห็นห้องโดยสารหรูหราด้วยการเพิ่มวัสดุหนังสัมผัสนุ่มขึ้นอีก 3.2 ตารางเมตร ยาวถึง 26.6 ตารางเมตรปรบปรุงสวิตช์ฟังก์ชันการใช้งานภายในให้หรูขึ้นด้วยการเคลือบผิวด้วยสาร PVD
พร้อมแผงหน้าปัดดิจิทัลแบบ LCD ระบบอินโฟเทนเมนต์แบบลอยตัวขนาด 17.3 นิ้ว และลายไม้ที่ล้อมรอบดูหรูหรา เชื่อมต่อด้วยที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย 2 ตำแหน่ง ประมวลผลเร็วด้วย Qualcomm Snapdragon SA8295P และลำโพงรอบคัน 23 จุดกำลังขับ 2,180 W พร้อมเส้นสายตกแต่งด้วยสีเงิน
หากต้องการเครื่องดื่มดับกระหาย ก็มี “ตู้เย็น” ขนาด 10.8 ลิตร พร้อมการตั้งค่าอุณหภูมิระหว่าง 0-50° C พร้อมระบบฟอกอากาศที่ทำให้หายใจได้อย่างสะดวก เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟคู่ พร้อมปลั๊กไฟ 220V มีคาราโอเกะไร้ไมโครโฟน ระบบแอร์รอบห้องโดยสาร
พร้อมระบบส่งกำลังไฟฟ้าจากสถาปัตยกรรมแบตเตอรี่ 800 V มีสองเวอร์ชันเริ่มที่มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลังถึง 320 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร จากความจุแบตเตอรี่ lithium iron phosphate (LFP) 94.8 และแบบ NMC 105 kWh วิ่งไกลสุดวิ่งไกลขึ้นอีกได้ 650 และ 740 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC หรือ 627 กับ 714 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.7 วินาที
และรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อจากความจุแบตเตอรี่ lithium iron phosphate (LFP) 94.8 และแบบ NMC 105 kWh ให้กำลังรวมถึง 503 แรงม้า แรงงบิด 640 นิวตันเมตรจากมอเตอร์คู่หน้า 320 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร และมอเตอร์คู่หลัง 184 แรงม้า แรงบิด 190 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ได้ 702 กิโลเมตร หรือ 677 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.7 วินาที และชาร์จเร็ว DC 10 นาที วิ่งได้ไกลอีก 300 กิโลเมตร
พร้อมโหมดการขับขี่ โหมดน้ำหนักพวงมาลัยไฟฟ้าและโหมด Brake pedal คันเร่งและเบรกในแป้นเดียว แต่ละโหมดมาถึง 3 โหมดทั้ง Comfort/Standard/Sport และฟังก์ชันชาร์จกลับ Energy recovery มีทั้งโหมด Low/Medium/High/X-Pedal รองรับ V2L ระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ภายนอก 3.3 kW
รุ่นนี้ยังมีระบบเลี้ยวล้อหลังแบบแอคทีฟซึ่งช่วยให้มีรัศมีวงเลี้ยวแคบลงเพียง 5.4 เมตรและระบบกันสะเทือนแบบถุงลมมาตรฐาน โดยรัศมีวงเลี้ยวปรับใหม่ใช้ Ai ในการจำลองและปรับจูนช่วงล่างเพื่อความสบายในการขับขี่และยังใช้โดยใช้ “อัลกอริทึมแบบ 6D ” เพื่อลดการโคลงตัวของตัวรถขณะเข้าโค้งและเมื่อเจอทางขรุขระป้องกันการพลิกคว่ำ
ด้านการเก็บเสียงการสั่นสะเทือนและความกระด้าง NVH หรือ Noise, Vibration and Harshness ทาง XPENG ลงทุน 50,000,000 YUAN หรือ 229,000,000 บาท วิจัยพัฒนาระบบนี้ปรับปรุงทั้งหมด 58 รายการ
ความปลอดภัยเต็มคันด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ ADAS ครั้งนี้มาแบบขั้นสูง Turing AI เป็นออปชันมาตรฐานทุกรุ่นย่อย และเพิ่มระบบ Little Blue Light เพื่อช่วยสื่อสารการทำงานของระบบกับผู้โดยสารได้แม่นยำขึ้น มาครบทั้ง
- ล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC adaptive cruise control
- ช่วยควบคุมให้อยู่กลางเลน LCC Lane Centering Assist
- ช่วยเปลี่ยนเลนอัจฉริยะ ALC intelligent lane change assistance
- จำกัดความเร็วอัจฉริยะ SAS Intelligent Speed Limit Assist
- ช่วยจอดรถอัจฉริยะ AEP Intelligent Parking Assist
- ช่วยถอยจอดรถอัจฉริยะ EAP Super Intelligent Parking Assist
- เตือนออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ LDW lane departure warning
- ช่วยคุมรถให้อยู่ในช่องทาง LKA lane keeping assist
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK Emergency lane keeping assist
- เตือนมุมอับสายตาของรถยนต์ BSD blind spot monitoring and early warning
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA lane change warning
- เตือนการเปิดประตู DOW door opening warning
- ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW forward collision warning
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB automatic emergency braking
- ปรับระดับไฟสูงอัตโนมัติ IHB smart high beam อ่านป้ายจราจร TSR traffic sign recognition
- ช่วยหลีกเลี่ยงการชนจากรถคันอื่นที่เคลื่อนที่ใกล้เข้ามาจากด้านหลัง RCW rear collision warning
- ช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA rear cross traffic warning
- ช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า FDM forward distance prompt
XPENG X9 MY2025 ปรับปรุงทั้งคันกว่า 496 รายการ มาพร้อมสีใหม่ 3 สีทั้งสีม่วง Nebula Purple, สีน้ำเงิน Galaxy Blue และสีเทาด้าน Matte Starship Gray และสีเดิมทั้งสีเทา Starship Gray, สีขาว Nebula White, สีบอรนซ์เงิน New Moon Silver และสีดำ Midnight Black โดยเปิดราคาอย่างเป็นทางการที่เมืองจีน เริ่มต้น 359,800-419,800 Yuan หรือราว 1,639,000-2,029,000 บาท
ที่มา CarNewsChina