หลังจากแนะนำแบรนด์หรูในเครือ BYD ไปตั้งแต่เอสยูวี YANGWANG U8 ซูเปอร์คาร์ YANGWANG U9 และล่าสุดรถใหม่ลำดับที่สามกับ YANGWANG U7
YANGWANG U7 มาในร่างเก๋งซีดานขนาดใหญ่ไว้ฟาดฟันกับ XIAOMI SU7 โดดเด่นด้วยหน้าตาคล้ายกับรุ่น U9 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำที่สุดในโลก เพียง 0.195 cd สร้างขึ้นจากพื้นฐาน e4 platform
ภายนอก Exterior
หล่อทั้งคันตั้งแต่ไฟหน้า LED รูปตัว C พร้อมเส้นสายที่ลากยาวไปตั้งแต่ฝากระโปรงหน้าที่ลาดเอียง กระจังหน้าทรงทึบติดตราโลโก้ในชุดกันชนหน้าที่มีช่องระบายอากาศแบบตาข่ายพร้อมเรดาร์อัลตราโซนิกติดตั้งอยู่ พร้อม หลังคารถสีดำมีเซนเซอร์ LiDAR จาก Robo Sense
ด้านข้างมีตราสัญลักษณ์ e4 ติดไว้เพื่อสื่อถึงว่าคันนี้ใช้แพลตฟอร์ม e⁴ พร้อมกระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยว ช่องเว้าทรงเลขเจ็ดประดับคิ้วสีเงิน พร้อมที่เปิดประตูดีไซน์ฝังเรียบเนียนกับตัวรถ ไฟท้าย LED แนวยาว พร้อมกันชนหลังในตัว โดยตัวรถเน้นตกแต่งหรูปนสปอร์ตด้วคิ้วโครเมียมที่กรอบกระจกและสเกิร์ตเข้มรอบคันทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ล้ออัลลอยลานสปอร์ตห้าก้านขนาด 21 นิ้ว พร้อมยาง 275/45R21 จากค่าย Continental
ตัวรถมาในร่างซีดาน D-segment ตัวรถมีความยาว 5,265 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,998 มิลลิเมตร ความสูง 1,517 มิลลิเมตร โดยมีระยะฐานล้อ 3,160 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 3,095 กิโลกรัม
ภายใน Interior
อบอุ่นสวยหรูด้วยความหรูหราด้วยโทนสีแดงและสีดำตกแต่งด้วยโครเมียมด้วยคอนโซลหน้ารูปตัวที วัสดุหุ้มหนังแท้เกรดคุณภาพแผงประตูตกแต่งหรูผสมหนังแท้รวมถึงคอนโซกลางก็ตกแต่งด้วย จอสัมผัสขนาดใหญ่ในชุดแผงคอนโซลหน้ามีด้วยกันถึง 2 จอ เริ่มที่จอสัมผัสซ้ายขวาที่เป็นทั้งมาตรวัดดิจิทัล ส่วนจอสัมผัสระบบความบันเทิงตรงกลางคอนโซลหน้าเป็นแนวตั้ง OLED Star Ring มีจอคู่ด้านหลัง
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านทรงท้ายตัด ด้านหลังมีให้เลือกทั้งแบบเบาะนั่ง 3 ที่นั่ง และ 2 ที่นั่งสุด Exclusive พร้อมคอนโซลกลางลากยาวพร้อมช่องใส่ของที่ท้าวแขนพร้อมจอควบคุมแบบ LCD มีไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Lighting ลำโพงรอบคัน 12 จุดจาก DYNAAUDIO เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า มีช่องเสียบ USB ทั้ง Type-A และ Type-C อย่างละจุด เครื่องปรับอากาศควบคุมอุณหภูมิแบบแยก 2 จุด กันฝุ่น PM2.5 และทีชาร์จมือถือไร้สายกำลัง 50W และ ปลั๊กไฟ 220V AC กุญแจแบบคีย์การ์ด (NFC) พร้อมระบบ Keyless Entry และ Keyless Start ซันรูฟแบบพาโนรามา
ขุมพลัง Performance
มีความเป็นไปได้ว่าจะมาทั้งแบบ EREV หรือ Extended Range Electric Vehicle ที่ใช้เครื่องยนต์ในการปั่นไฟและแบตเตอรี่ กับมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานเป็นหลัก พิเศษตรงที่สามารถเสียบปลั๊กแบบ Plug In Hybrid คล้ายกับ YANGWANG U8 ด้วยพื้นฐานเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Quad-Motor หรือ มอเตอร์ไฟฟ้าอิสระสี่ตัวกระจายกำลังจากแต่ละล้อไปรวมกันทั้งหมดสี่ล้อ แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้าแต่ละตัวจะป้วนเปี้ยน 299 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร ขนาดความจุแบตเตอรี่ 49 kWh เมื่อทำงานร่วมกันจะให้กำลังรวมมากถึง 1,197 แรงม้า แรงบิด 1,280 นิวตันเมตร
โดยชุดแบตเตอรี่จะอยู่ในส่วนกลางของแชสซีส์สำหรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อควบคุมด้วยไฟฟ้าจะตอบสนองเร็วขึ้นกว่าเดิม 100 เท่า วิ่งไกลสุดในโหมดทำงานร่วมกันถึง 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จและการเติมน้ำมันหนึ่งครั้งและถ้าขับขี่โหมดไฟฟ้าอย่างเดียววิ่งไกลสุด 180 กิโลแมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC โดยเมื่อมาอยู่ในเก๋งคันนี้อาจได้พลังรวมถึง 1,020 แรงม้า
เวอร์ชันไฟฟ้าล้วน BEV ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว หรือ Quad-Motor พร้อมความจุบตเตอรี่ลิเธียมไอออน Blad Battery ของ BYD ขนาด 135.5kWh โดยแต่ละตัวมีพละกลังถึง 326 แรงม้า รวมเป็น 1,306 แรงม้า วิ่งไกลสูงสุดที่ 800 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 270 กิโลเมตรต่อชั่วดมง อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 2.9 วินาที ชาร์จเร็วกระแสตรง DC และ ชาร์จกระแสสลับ AC ได้ และรองรับ V2L เชื่อมต่อการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ
ช่วงล่างเวอร์ชันใหม่ DiSus-Z พร้อมเทคโนโยการขับขี่อัจฉริยะด้วยระบบ Tian Shen อาศัยการทำงานร่วมกับเรดาห์คลื่น 5 มิลลิเมตร LiDAR 3 ตัว กล้อง 13 ตัว และระบบคอมพิวเตอร์ที่มีกำลังการประมวลผล 508TOPS ทำให้การขับขี่อัจฉริยะชาญฉลาดแม่นยำ พร้อมระบบเลี้ยว 4 ล้อรัศมีวงเลี้ยวเพียง 4.85 เมตรเบื้องต้นกำหนดการขายคันนี้อาจพบกันช่วงครึ่งปีหลังนี้ที่เมืองจีน
ที่มา CarNewsChina
