More

    รีวิว! Nissan Terra VL 4WD ปรับโฉมหล่อพีพีวีหรู ช่วงล่างนุ่ม ความบันเทิงจัดเต็ม

    ถึงมาช้าสุดในกลุ่มพีพีวีสำหรับ Nissan Terra ที่ทำยอดขายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ล่าสุดปรับโฉมครังแรกในรอบ 3 ปีทิ้งตัวตนเดิมจนมีผลตอบรับที่ดีขึ้น

    Design&Exterior

    Nissan Terra

    ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา Nissan Terra VL 4WD Facelift หรือรุ่นปรับโฉมปรากฏตัวในเมืองไทยเป็นที่ที่สองต่อจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ปรับหน้าใหม่หล่อเน้นความพรีเมี่ยมสปอร์ตตั้งแต่หัวจรดท้ายถึงจะอยู่ในร่างเดิมก็ตามเริ่มที่กระจังหน้ารูปตัววี หรือ V Motion ล้อมกรอบโครเมียมไส้ในกระจังหน้าเป็นเส้นโครเมี่ยมแนวนอน 4 ชั้น เพิ่มพื้นที่การตกแต่งโครเมียมมากขึ้น 3.5 เท่าเสริมความหรูหราพร้อมฝากระโปรงหน้าเส้นสายที่เล่นระดับออกแบบใหม่ กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถเสริมแผ่นกันกระแทกด้านล่างสีเงินเป็นหนึ่งเดียวกลมกลืนล้อมกรอบโครเมี่ยมใส่ไฟตัดหมอกทรงเหลี่ยมแบบ LED ไฟหน้าใช้เทคโนโลยี Quad LED 4 ดวง เพิ่มประสิทธิภาพสูงให้ความสว่างมากขึ้นถึง 34% พร้อมไฟ DRL LED ในโคมเดียวกันแต่เสียดายที่ว่าไม่มีระบบไฟสูงอัตโนมัติมาให้แบบเดียวกับ Nissan Navara ด้านข้างออกแบบบังโคลนหน้ารับกับฝากระโปรงหน้าอย่างลงตัวพร้อมคิ้วตกแต่งบังโคลนหน้าสีดำโครเมี่ยมฝั่งไว้ซ้าย-ขวา ล้ออัลลอยลายใหม่แบบ 6 ก้านสีทูโทนขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 255/60 R18 จากค่าย Bridgestone Dueler H/T 684 II กระจกมองข้างทรงเดียวกับกระบะ Navara สีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟเลี้ยว LED พับปรับไฟฟ้าได้ ที่เปิดประตูโครเมี่ยมดีไซน์เดิม ราวหลังคาและบันไดข้างมีการสลับสีกันเดิมราวหลังคาสีดำ บันไดข้างสีเงินกลายเป็นราวหลังคาสีเงิน บันไดข้างสีดำ

    Nissan Terra

    ด้านท้ายออกแบบใหม่หมดเริ่มที่คิ้วโครเมี่ยมขนาดใหญ่ทรงสะพานหรือหูหิ้ว ถัดลงมาเป็นโลโก้ Nissan ไฟท้าย LED แบบ Light Guide เส้นคู่ใหม่ ล้ำสมัย ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ฝังในกระจกหลังรถพร้อมกล้องถ่ายทอดสัญญาณไปในกระจกมองหลัง เสาอากาศครีบฉลาม สปอยเลอร์หลังใหม่ กันชนท้ายที่มีแผงทับทิมอยู่ในตำแหน่งต่ำลงกว่าเดิมเสริมแผ่นกันกระแทกด้านล่างสีเงินเป็นหนึ่งเดียวกลมกลืน และที่ให้เท่าๆกับคู่แข่งนั่นคือฝาประตูท้ายเปิด-ปิด แบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์ใต้กันชนหลัง Auto Lift Gate เพียงแค่ยื่นเท้าเข้าหาบริเวณกึ่งกลางของกันชน โดยไม่ต้องสัมผัสสวิตช์เปิดประตูท้าย ฝาท้ายก็สามารถเปิด-ปิดได้โดยอัตโนมัติแถมป้องกันการหนีบในกรณียังขนของไม่เสร็จ โดยในชุดกุญแจรีโมท Keyless Entry ไม่มีปุ่มเปิดฝาท้ายแล้วจะเปิดอย่างไรหละ ทาง Nissan บอกว่าสามารถสั่งเปิดปิดฝาท้ายด้วยการกดปุ่มปลดล็อกติดกัน 3 ครั้ง ที่ขาดไม่ได้นั่นคือกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศาติดตั้งมาให้ทำงานพร้อมกับสัญญาณกะระยะการจอดหน้า-หลังรวม 8 จุด

    Nissan Terra

    ในเมื่อปรับหน้าตารอบคันทำให้ตัวรถขยายมิติไปเล็กน้อยในรหัส P60 ตั้งแต่ความยาว 4,890 มม. ความกว้าง 1,865 มม. ความสูง 1,865 มม. ระยะฐานล้อ 2,850 มม. ระยะความสูงใต้ท้องรถ 225 มม. น้ำหนักรถ 2,150 กก. ความจุถังน้ำมัน 78 ลิตร โดยเมื่อเทียบกับรุ่นเดิมมีความยาวกว่ารุ่นเดิม 5 มม. สูงกว่าเดิม 30 มม. น้ำหนักรถหนักกว่าเดิม 32 กก. ส่วนมิติด้านอื่นๆยังเท่าเดิม

    Interior&Convenience

    Nissan Terra

    ภายในเมื่อเปิดประตูมาด้วยกุญแจรีโมท Smart Key ดีไซน์สหกรณ์ สามารถสั่งล็อกกับปลดล็อกได้สองทางทั้งที่ปุ่มเล็กๆตรงก้านที่เปิดประตูโครเมี่ยมสองฝั่ง Keyless Entry หรือตัวกุญแจฯ เมื่อเข้ามานั่งในตำแหน่งคนขับพบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับแผงคอนโซลหน้าใหม่หมดดีไซน์เรียบง่ายแต่สปอร์ตดูดีขึ้นกว่าใช้แผงคอนโซลเดียวกับ Nissan Navara D23 พร้อมหนังสัมผัสที่มีให้เลือกสองสีทั้งสีดำ-แดง Burgundy และสีดำ-เบจ ตามสีภายในรถผสมกับการตกแต่งสีเงินครอบทับยาวทั้งชิ้นใต้แผงสวิตช์แอร์และรวมฟังก์ชั่นที่ใช้งานง่ายเริ่มที่ มาตรวัดเรืองแสงขนาดใหญ่หน้าจอสีแสดงผลสามมิติแบบ TFT ความละเอียดสูง ขนาด 7 นิ้ว สามารถแสดงมาตรวัด Off-Road Meter แสดงข้อมูลระบบขับเคลื่อนรวมถึงมุมเอียงในขณะขับขี่เส้นทางออฟโรด และมาตรวัดตรวจสอบแรงดันลมยาง TPMS-Tire Pressure Monitoring System ตรวจวัดแรงดันลมยางของล้อทั้งสี่ล้อและเตือนเมื่อแรงดันลมยางอ่อนกว่าปกติ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์เดียวกันกับรถในค่ายทุกรุ่น 3 ก้าน หุ้มหนังแถมเป็นแบบท้ายตัด D Shape จับกระชับขึ้น ควบคุมการทำงานทั้งสวิตช์เปิด-ปิดการใช้งานวิทยุ มาตรวัดและ Cruise Control

    แผงช่องแอร์ตรงคอนโซลกลางเล็กน้อย คั่นกลางด้วยสวิตช์ไฟฉุกเฉินถัดลงมาเป็นอินโฟเทนเมนท์จอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้ว ความละเอียดที่สูงขึ้นกว่าเดิมที่ระดับ WXGA (1024×768) Nissan Connect เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับรถได้อย่างราบรื่น ฟังเพลงผ่าน Bluetooth, ระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ Voice Recognition พร้อมระบบนำทาง Navigation system และ Apple Car Play ไร้สาย และ Android Auto เสียที่ว่าไม่มีระบบแจ้งสถานะตัวรถรวมถึงความปลอดภัยต่างๆผ่านทางแอป Nissan Connect ทางมือถือโดยติดตั้งเพียง 5,900 บาท สงวนสำหรับรุ่น VL 4WD ติดตั้งลำโพงรอบคันจาก BOSE 8 จุดรวมทวิตเตอร์ตรงเสา A  และแอมพลิฟายเออร์ ที่ให้คุณภาพเสียงดี และดีกว่าตอนยุคเป็น Kenwood ถัดลงมาเป็นเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา ถัดลงมาเป็นสวิตช์ควบคุมการเปิด-ปิดแอร์บนหลังคา ปุ่มการทำงานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ดีไซน์โครเมี่ยม ที่จับคันเกียร์ออกแบบใหม่หุ้มหนังดำขอบสีเงินจับง่าย หลังคอนโซลเกียร์ติดตั้งสวิตช์มใหม่ทั้งเบรกมือไฟฟ้า ที่ไร้ Auto Hold ซึ่งสมควรต้องมี สวิตช์พับเบาะอัตโนมัติ 1-Touch Remote Fold and Tumble Seats แค่เพียงการกดที่ปุ่มเดียว รวมถึงย้ายสวิตช์ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC Diff-Lockมาอยู่หลังสวิตช์พับเบาะ และที่วางแก้วขนาดใหญ่และกล่องคอนโซลกลาง มีที่ชาร์จมือถือไร้สาย Wireless Charger  ให้กำลังการชาร์จไฟ 15 วัตต์ เพียงแค่วางสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ที่รองรับก็สามารถชาร์จได้ทันทีอยู่ใต้แผงสวิตช์ 4WD และยังตกแต่งหนังสัมผัส Soft Touch ตามแผงประตู กล่องคอนโซลกลางและฐานคอนโซลเกียร์ใต้แผงคอนโซลหน้า

    Nissan Terra

    เบาะนั่งยังคงเป็นแบบ 7 ที่นั่งทรงเดิมโครงเดิมแต่ตกแต่งลายเบาะใหม่แบบลายดอกไม้ มีให้เลือกทั้งสีดำและสีเบจ ที่ยังสบายโอบกระชับเช่นเดิมปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมดันหลังปรับไฟฟ้าสำหรับด้านคนขับและคนนั่งยังปรับแบบคันโยกธรรมดา 4 ทิศทาง ซึ่งน่าจะให้ฝั่งคนนั่งไฟฟ้าด้วยก็จะสมราคาดี เบาะนั่งหลังตอน 2 สบายมากขึ้น ยังเหลือพื้นที่เยอะมาก สามารถปรับเอน-เลื่อนได้ นอกจากพับแบบ 60/40 โดยการพับเบาะตอนสองใช้ก้านสวิตช์ที่ข้างเบาะ ส่วนตอนสามยังสามารถพับได้แบบ 50/50 เพิ่มเนื้อที่ในการบรรทุก พร้อมแอร์บนหลังคาทรงกลมและหลังคอนโซลกลาง จอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ 11 นิ้วบนเพดาน สามารถสตรีมมิ่งช่องโปรด เช่น NetFlix และ YouTube ผ่านช่อง HDMI ได้อย่างง่ายดายจาก Mi TV Stick พร้อมช่องชาร์จไฟที่ช่วยให้ความบันเทิงไม่มีสะดุดตลอดการเดินทาง แบบ USB ที่มีรอบคันตั้งแต่แถวแรก 2 จุด รวมถึงช่องเสียบ USB แถวสอง 2 จุด และแถวสามอีก 1 จุด รวม 5 จุด (USB-A 3 จุด และUSB-C 2 จุด) เพิ่มฉนวนลดเสียงรบกวนทุกจุดสำคัญของโครงสร้างของรถ และเป็นรุ่นเดียวในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ระดับเดียวกันที่มีการติดตั้งกระจกตอนหน้าและประตูคู่หน้าแบบ Acoustic Glass เพื่อลดเสียงรบกวนจากภายนอก ผู้โดยสารจึงสัมผัสได้ถึงความเงียบสบายในห้องโดยสารอย่างแท้จริงและ เทคโนโลยี Intelligent Rear View Mirror ติดกล้องความละเอียดสูงที่กระจกบานหลัง ให้จุดเด่นด้านความปลอดภัยตลอดการขับขี่ เสริมทัศนวิสัยที่ดีขึ้นในทุกสภาพอากาศ สามารถปรับมุมมองได้ตามความต้องการของผู้ขับ เพิ่มความชัดเจนแม้มีผู้โดยสารตอนหลัง และมือจับขึ้นลง 9 จุด ที่ยังขาดมือจับเสา A ฝั่งคนขับเช่นเดิมงานนี้เพิ่มมาก็ดีนะ

    Engine&Transmission

    Nissan Terra

    ถึงจะปรับหน้าตากับภายในใหม่แต่ Nissan Terra VL 4WD Facelift ยังใช้ขุมพลังเดิมนั่นคือเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ YS23DDTT  ที่พัฒนาร่วมกับ Renault ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 2,151 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ X ช่วงชัก 85.0 X 101.3 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 15.4:1 แรงสุด 190 แรงม้าที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ให้ค่า CO2 เพียง 200 กรัม/กม. จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมด Manual +/- ขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Time shift-on-the-fly ทั้ง 2H, 4H และ 4L พร้อม 4WD-DIFF Lock ล็อกเฟืองท้ายไฟฟ้า และป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD)

    Nissan Terra

    ถึงน้ำหนักตัวรถจะเพิ่มขึ้นกว่า 32 กก. เป็น 2,150 กก. แต่กำลังยังพุ่งทะยานฉับไวกลางๆขับสนุกในทุกเส้นทางเร่งแซงอาจรอรอบไปบ้างกำลังเครื่องให้ความต่อเนื่องไม่ขาดตอนให้ประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีถึงจะออกแบบมาเป็นรถครอบครัวไม่เหมือนกระบะ Navara ที่จัดจ้าน โดยเทอร์โบคู่ จะทำงานคล้ายกับเครื่องค่าย Ford ตรงที่แบ่งการทำงานเป็น 2 ลูก ลูกแรกจะเป็นแบบ High Pressure ทำงานที่รอบต่ำ อีกลูกเป็น Low Pressure จะทำงานที่รอบสูง โดยเมื่อเครื่องยนต์อยู่ในรอบต่ำ ทั้ง 2 ลูกจะเริ่มทำงานพร้อม ๆ กัน โดยที่ตัวเล็กจะหมุนเยอะหน่อย แต่เมื่อถึงรอบสูง ตัวเล็กจะถูก Bypass ออกให้หยุดทำงาน แล้วใช้แรงอัดอากาศจากลูกใหญ่เข้าไปที่เครื่องยนต์ส่งผลให้แรงทุกช่วงความเร็ว รอบของการทำงาน รอบเครื่องยนต์ในช่วงความเร็ว 90 -120 กม./ชม. ทำผลงานสูงสุดเกิน 2,000 รอบ/นาที นิดเดียว ตั้งแต่ 1,600 1,800 1,950 และ 2,100 รอบ/นาที ส่วนการจับอัตราเร่ง Performance Test ทำผลงานน่าได้ดีกว่ารุ่นก่อนปรับโฉม ดังนี้

    การจากจุดหยุดนิ่งไปแตะถึง 100 กม./ชม. ทำได้ 3 ครั้งดังนี้ ครั้งที่ 1. 11.25 วินาที ครั้งที่ 2. 11.03  วินาที ครั้งที่ 3. 11.30 วินาที = เฉลี่ย 11.19 วินาที

    ด้านการเร่งแซง 80-120 กม./ชม. ทำได้ 3 ครั้งดังนี้ ครั้งที่ 1. 7.12 วินาที ครั้งที่ 2. 7.20  วินาที ครั้งที่ 3. 6.83 วินาที = เฉลี่ย 7.05 วินาที

    Nissan Terra

    เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ให้ความสมูทในการเปลี่ยนเกียร์แต่ละช่วงได้ดีไม่กระตุกไม่ว่าจะอยู่ในโหมดเกียร์ D หรือ Manual Mode +/- แต่ทว่าผมเองได้มาทดลองขับอีกครั้งบนเส้นทางกรุงเทพฯ-เพชรบุรี แก่งกระจาน ไป-กลับ 450 กม. ความแรงอาจบั่นทอนไปบ้างเพราะมีแร็คหลังคาเปล่าติดบนหลังคาโดยแร็คดังกล่าวไม่ได้ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ทำให้โต้ลมในช่วงความเร็วสูงๆและส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เข้าระบบง่ายแม่นยำโดยตอนที่ลุยเส้นทางแก่งกระจานที่มีทางหิน ขุรขระกำลังยังดีเช่นเดิมเหมือนตอนขับทางดำด้วย 2 H

    Nissan Terra

    ความประหยัดสูตรเฉพาะ Save Mode วิ่งในเมืองนอกเมืองผสมกัน ทำได้ 14.27 กม./ลิตร จากระยะทางรวม 61.4 กม.จัดน้ำมันดีเซล B7 เต็มถังจากปั๊มแถว ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ 4.30 ลิตร ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ตามสภาพการใช้งานจริง การใช้งานในเมืองได้ตัวเลขสิ้นเปลืองที่ 9.61 กม./ลิตร และนอกเมือง 10.34 กม./ลิตร ถือว่าทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนปรับโฉมอย่างชัดเจนกับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน

    (อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ของ Nissan Terra 2.3 VL 4WD รุ่นก่อนปรับโฉม ครั้งที่ 1. 11.70 วินาที ครั้งที่ 2 11.20 วินาที ครั้งที่ 3 11.26 วินาที = เฉลี่ย 11.38 วินาที)

    Handling&Ride

    Nissan Terra

    ธรรมชาติของรถพีพีวีที่ใช้พื้นฐานจากกระบะต้องใช้แชสซีส์ขั้นบันได Body On Frame และช่วงล่างที่อาจต่างจากกระบะโดยด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ ชพร้อมคอยล์สปริง เหล็กกันโคลง และด้านหลังเป็นแบบ 5 ลิ้งค์ (5-Link) พร้อมคอยล์สปริง ครั้งนี้เซ็ตช่วงล่างมาได้ดีให้ความนุ่มนวลนิ่งเงียบ ไม่กระด้าง ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ ด้วยการใส่ยางกันกระแทกที่ติดตั้งระหว่างตัวถังและแชสซีส์มากถึง 10 จุด (ซ้าย-ขวาฝั่งละ 5 จุด) ซับแรงสะเทือนจากพื้นถนน การเก็บเสียงทำได้ดีด้วยการเพิ่มฉนวนลดเสียงรบกวนทุกจุดสำคัญของโครงสร้างของรถแบบหนากว่าเดิม ติดตั้งกระจกตอนหน้าและประตูคู่หน้าแบบ Acoustic Glass เพื่อลดเสียงรบกวนจากภายนอก ต้องบอกเลยว่าการเก็บเสียงเงียบขึ้นกว้าเดิม ขับขี่สบาย เงียบสงบสนทนาในรถได้ไหลลื่นไม่สะดุด

    Nissan Terra

    ด้านระบบพวงมาลัยพาวเวอร์เป็นแบบไฮดรอลิกปรับปรุงใหม่โดยมีน้ำหนักเบาลง คุมง่ายด้วยการปรับระยะการหมุนลดลงเหลือ 3.4 รอบ ลดการขยับของพวงมาลัยได้ลดลงปรับดีขับเข้าโค้งทุกโค้งก็มั่นใจแม้กระทั่งทางออฟโรดโหดเล็กๆที่แก่งกระจานก็สบายคมขึ้นอย่างชัดเจนด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบถึง 5.7 ม.ระบบเบรกที่งานนี้เปลี่ยนมาใช้แบบดิสก์เบรก 4 ล้อ โดยล้อหน้ามีดิสก์เบรกขนาด 350 มม. (เดิม 296 มม.) และด้านหลังเป็น 330 มม.  ถึงจะอัพจานเบรกใหญ่ขึ้นแต่กดเมือไหร่เอาอยู่นะ น้ำหนักในการกดแป้นเบรกน้อยลง ระยะเบรกสั้นลง กระชับขึ้นกว่าตอนที่เป็นหน้าดิสก์หลังดรัม

    Nissan Terra

    ระยะความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 225 มม.ทำให้ขับขี่ลุยผ่านถนนขุรขระ ฝุ่นดิน ได้ง่ายดาย แม้กระทั่งทัศนวิสัยในการมองเห็นโดยเฉพาะด้านหน้ากระจกยังคงเดิมเพราะการออกแบบฝากระโปรหน้าที่เล่นระดับแบบปีกสองข้างและมีจุดบอดบ้างเฉพาะการลุยแต่ได้จอมอนิเตอร์ระบบ Off-Road Meter ในจอ TFT 7 นิ้ว และ Off-Road Mode มองงภาพจากจอ 9 นิ้วในยามลุยนี่ของชอบเลยทีเดียว และกระจกมองหลังขนาดใหญ่อัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror เป็นจอ LCD แสดงภาพที่มาจากกล้องความละเอียดสูงด้านหลังตัวรถ สามารถมองรถข้างหลังได้ถึงจะมีการบรรทุกของหรือมีผู้โดยสารนั่งด้านหลังบดบังการมองหลัง โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเปลี่ยน ระหว่างจอแสดงภาพจากกล้อง หรือจากกระจกปกติได้

    Safety&Feature

    Nissan Terra

    Nissan Terra VL 4WD รุ่นปรับโฉมนี้ ให้ข้าวของความปลอดภัยแบบสู้ได้กับคู่แข่งพีพีวีในราคาไล่เลี่ยกันด้วย360° Safety Shield ทั้งเทคโนโลยีเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) เตือนคนขับอัจฉริยะ (Intelligent Driver Alertness) เตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง (Lane Departure Warning) ควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทางอัจฉริยะ (Intelligent Lane Intervention) เตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning-BSW) กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) ที่ทำงานควบคู่กับ เทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) ช่วยให้เห็นอุปสรรครอบคันขณะขับขี่ลุยไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ ทำงานร่วมกับ Parking Sonar เมื่ออยู่ในเกียร์ D และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 10 km/h ทันทีที่เซนเซอร์ตรวจพบวัตถุ จะส่งเสียงเตือนและระบบ IAVM จะแสดงภาพโดยอัตโนมัติที่หน้าจอเครื่องเสียง ตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) เตือนผู้ขับขี่เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้าในการขับขี่(Intelligent Driver Alertness – IDA)ผสมกับความปลอดภัยพิ้นฐานทั้ง ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VDC) พร้อมเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป (LSD)ช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ถุงลมนิรภัย 6 จุด รวมใต้เข่าคนขับ และระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ที่เสียดายน่าจะให้แบบแปรผันความเร็วอัตโนมัติหรือผสมกับฟังก์ชั่นหยุดรถและเดินหน้าตามรถคันหน้า Stop&Go ก็ได้

    Verdict

    Nissan Terra Nissan Terra

    ในราคา 1,499,000 บาท (เพิ่มจากรุ่นก่อนปรับโฉม 40,000 บาท) กับความเป็นรถพีพีวีเพื่อครอบครัว ปรับโฉมครั้งนี้ลบจุดด้อยเดิมๆทั้งหน้าตาดีไซน์ ได้อย่างดี ภายในโดยเฉพาะคอนโซลหน้าที่สื่อถึงความเป็นตัวตนชัดเจนฉีกจากความเป็นกระบะ Navara ถึงแผงประตูดีไซน์เดียวกันกับกระบะส่วนตัวกลับชอบโทนภายในสีดำ-แดงเบอร์กันดี (Burgundy) มากกว่าสีดำเบจที่ใช้นานๆไปจะเลอะเทอะ ออพชั่นบางอย่างเอื้ออำนวยต่อการขับขี่หายไปทั้ง Auto Hold ระบบ Cruise Control ที่ไม่มีแปรผันความเร็ว เบาะนั่งคนนั่งปรับไฟฟ้า ซ้ำร้ายปุ่มเปิดฝาท้ายที่กุญแจรีโมทควรมีปุ่มเปิดแยกกัน ไม่ใช้ปุ่มปลดล็อกรถกดทีเดียว 3 ครั้งในกุญแจรีโมท Keyless Entry (ฝาท้ายไฟฟ้าติดตั้งทีหลังจากบริษัทในเครือ Nissan) และไฟสูงอัตโนมัติ แต่สิ่งที่ได้มาขุมพลังแรงเทอร์โบคู่ ช่วงล่างนุ่มเด็กๆผู้สูงอายุนั่งแล้วมีความสุข ดิสก์เบรกที่หยุดรถมั่นใจสิ่งนี้กลับเป็นแต้มต่อให้สาวกรถพีพีวี รวมถึงสาวกเพื่อนที่แสนดีที่ชอบแบรนด์นี้เป็นชีวิตจิตใจ จองและครอบครองได้โดยไม่ต้องสงสัยแต่ถ้าชอบของดำยังมีชุด Midnight Package แต่งดำรอบคันในราคาเพียง 9,900 บาท กับ Nissan Terra VL 4WD รุ่นปรับโฉม

    ขอขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้ความอนุเคราะห์รถยนต์ Nissan Terra รุ่นปรับโฉม มารีวิวครั้งนี้

     

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts