More

    Ford Everest Wlidtrak โหดพิเศษขายแดนจิงโจ้เพียง 800 คัน

    หลังจากที่นิวซีแลนด์และไทยเปิดตัว Ford Everest Wlidtrak นำความดุดิบโหดจากกระบะ Ranger Wildtrak  มาใส่ในร่างพีพีวีสำหรับครอบครัวอย่างเต็มรูปแบบ

    ISUZU

    ถึงออสเตรเลียจะเป็นตลาดใหญ่เลือกที่จะเปิดตัวตามหลังนิวซีแลนด์และไทยด้วยหน้าตาเหมือนกันตั้งแต่กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมขนาดใหญ่สีดำเข้มไส้ในเป็นรังผึ้งพร้อมโลโก้วงรีสีน้ำเงินทับเส้นแนวนอนสองเส้นพร้อมไฟหน้ารูปตัว C แบบ LED ที่มีไฟ LED Daytime รูปตัว C ในโคมเดียวกัน กลมกลืนกับชุดเสริมกันชนหน้าและส่วนล่างมีคิ้วชายล่างสีเงินและไฟตัดหมอกหน้า LED

    ล้ออัลลอยหกก้านทูโทนลายพิเศษขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/55 R20 ราวหลังคาแบบมีช่องยกมาจาก Everest Platinum พร้อมชุดแต่งสีดำทั้งชิ้นตั้งแต่กระจกมอง คิ้วระบายอากาศที่บังโคลนหน้าซ้าย-ขวา คิ้วด้านท้าย โดดเด่นเป็นสง่า ไฟท้าย LED พร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าพ่วงชุดเซนเซอร์เปิดฝาท้ายแบบสามารถใช้เท้าเตะได้ Kick Activated และที่ขาดไม่ได้เลยคือโลโก้ Wildtrak สีดำ ติดขอบฝากระโปรงหน้าและด้านท้าย

    Ford

    ภายในเท่ตั้งแต่เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำเดินด้ายสีส้ม ปักชื่อ Wildtrak ไว้กลางตัวเบาะ ปรับคู่หน้าด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทางสำหรับคนขับและ 8 ทิศทางสำหรับคนนั่ง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านหุ้มหนังเดินด้ายส้ม เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเลื่อนได้ และพับได้แบบแบ่ง 60:40 ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 แบ่งที่นั่งในอัตราส่วน 50:50 และพับไฟฟ้า ที่สำคัญเบาะแถวที่ 2 และ 3 ยังพับได้แบบแบนราบเพื่อการบรรทุกสัมภาระยาวๆ

    ระบบการชาร์จแบบไร้สาย พร้อมเบรกมือไฟฟ้า แผงมาตรวัดดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว หน้าจอแบบสัมผัสความคมชัดสูงขนาด 12 นิ้ว มาพร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC® 4 รองรับการสั่งงานด้วยเสียงเพื่อการสื่อสาร ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงและเข้าถึงข้อมูลต่างๆ พร้อมลำโพง 10 จุด หน้าจอทัชสกรีนแนวตั้ง หน้าจอแยกส่วนเพื่อให้จอดรถได้สะดวกยิ่งขึ้นในพื้นที่แคบ ช่องต่อไฟ 12V (12V Power Sockets) และ 230 V หลังกล่องคอนโซลกลางเสียบปลั๊กต่อชาร์จมือถือ โน้ตบุ๊คได้

    มีสวิตช์ควบคุมการทำงานของแอร์หลังได้ พร้อมแอปพลิเคชัน FordPass™ ช่วยให้ลูกค้านัดเข้ารับบริการผ่านช่องทางออนไลน์สั่ง สตาร์ทรถผ่านทางแอปฯ ได้ สามารถในการสตาร์ทรถจากระยะไกล การตรวจเช็กสถานะต่างๆ ของรถ รวมไปถึงการล็อก และปลดล็อกผ่านโทรศัพท์มือถือ

    Ford

    ขุมพลังสำหรับตลาดออสเตรเลียใช้ดีเซลเทอร์โบเดี่ยวในตระกูล Lion รหัส DSL-Lion B 3.0 ลิตร Power Stroke กำลังมากถึง 250 แรงม้าที่ 3,250 รอบ/นาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,250 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ  Electronic Shifter  10 สปีด รุ่น 10R80 พร้อมขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full Time 4WD แบบ e-Shifter (2H,4H,4L) ที่มาพร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case – EMTC)

    ควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อมโหมดการขับขี่ Terrain Management System ทั้งโหมด Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery และยามลุยมีทั้งโหมด Sand, Mud/Ruts พร้อมเฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential ลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มม. และมีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กก.

    Ford

    แต่ความโชคร้ายคือ Ford ออสเตรเลียตัดสินใจขายแบบ Limited Edition เพียง 800 คัน ต่างจากสองประเทศที่ขายแบบไม่จำนวนจำกัดในราคา $73,090 เป็นราคาไม่รวมค่า on-road costs ของออสเตรเลียหรือราว 1,689,000 บาท

    ที่มา Carsales

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts