More

    Honda CR-V 2023 คุณค่าใหม่ในทุกมิติ เริ่ม 1.419 ล้านบาท

    อีกหนึ่งโมเดลของ Honda ที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านยอดขายสำหรับเอสยูวพรีเมียมอย่าง Honda CR-V จนถูกใจคนไทยมากกว่า 183,000 คัน

    HondaHonda

    วันนี้ Honda เปิดตัวที่สุดเอสยูวีพรีเมียมอย่างเป็นทางการกับ Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 6 หล่อทั้งคันตั้งแต่กระจังหน้าดีไซน์พิมพ์นิยมแบบ Piano Black และสีดำ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม (เฉพาะรุ่น E) กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) เปิดมุมมองใหม่ที่พรีเมียมยิ่งขึ้นกับ

    สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close) เสาอากาศครีบฉลาม ปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่ ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18

    พิเศษกับรุ่น RS ที่ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมอีกขั้นด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคัน เสริมเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น ด้วยสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ Piano Black  กันชนหน้าและหลังสีเดียวกับตัวรถ ชายกันกระแทกด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ คิ้วตกแต่งประตูข้างสีดำ Gloss Black ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED  สปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถและสีดำ Piano Black เสาอากาศครีบฉลามสีดำ Piano Black  ล้ออัลลอย 19 นิ้ว แบบสปอร์ต พร้อมยาง 235/55R19

    มิติตัวรถใหญ่ขึ้นตั้งแต่ความยาว 4,691 มม. ความกว้าง 1,866 มม. ความสูง 1,681 และ 1,691 มม. ฐานล้อ 2,700 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 198 และ 208 มม. น้ำหนักรถ 1,606-1,815 กก. และความจุถังน้ำมัน 57 ลิตร

    Honda

    ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมเติมเต็มประสบการณ์ที่ดีตลอดเส้นทาง ด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียมผสานแนวคิดระหว่างการใช้วัสดุคุณภาพสูงและความอเนกประสงค์ด้วยชุดตกแต่งภายในลายอะลูมิเนียมปัดเงาและสีดำ Piano Black เบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต

    ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม อาทิ ควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ พร้อม Honda Smart Key Card (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD) บันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat) ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient Light) ที่ได้รับการติดตั้งในหลายตำแหน่ง อาทิ ถาดคอนโซลกลาง แผงประตูหน้าและหลัง และที่วางแก้ว

    ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster (รุ่น e:HEV ES และ e:HEV RS 4WD) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา แบบ i-Dual Zone (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD) ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 3 (เฉพาะรุ่น EL 4WD) ไฟอ่านหนังสือด้านหลัง LED แบบสัมผัส

    พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับ การใช้งานที่หลากหลาย พร้อมพื้นที่สัมภาระท้ายที่กว้างขวาง เบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Sliding) เลื่อนและแยกพับแบบ 60:40 รุ่นเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้าน สามารถปรับพับลงแนวราบได้เรียบ (Utility Mode) ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย และสามารถปรับพับเบาะด้านหน้าและด้านหลัง (Long Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว

    รุ่นเบาะโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง (เฉพาะรุ่น EL 4WD) สามารถปรับพับเบาะด้านหลังแถวที่ 3 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้ายในขณะที่ผู้โดยสารแถว 2 สามารถนั่งได้อย่างสะดวกสบาย หรือปรับพับเบาะทั้งแถวที่ 2 และ 3 ลงแนวราบ (Utility Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย และสามารถปรับพับเบาะด้านหน้าและด้านหลังทั้งแถวที่ 2 และ 3 (Long Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว

    เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์แบบสมาร์ต กับหลากหลายเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทั้ง ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD) เครื่องเสียง BOSE พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD) ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD) เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย Android Auto

    รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว (ยกเว้นรุ่น E ขนาด 7 นิ้ว) อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่ง (USB Type-C 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง  2 ตำแหน่ง)

    Honda

    ขับเคลื่อนสู่ทุกจุดหมายอย่างมั่นใจ กับทางเลือก 2 ขุมพลังที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการขับขี่ รุ่น ทั้งเบนซิน e:HEV 2.0 ลิตร รหัส LFAS1 Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลัง 148 แรงม้าที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิด 183 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ พร้อม มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) ให้กำลัง 184 แรงม้า ที่ 5,000-8,000 รอบ/นาที แรงบิด 335 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบ/นาที เมื่อทำงานร่วมกันจะได้พลังแรงสุด 207 แรงม้า

    มอบอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงสุดถึง 20.8 กม./ลิตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 113 กรัม/กิโลเมตร ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานได้อย่างชาญฉลาด เหมาะสมกับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ใน 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)

    มาพร้อมสวิตซ์โหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch) ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ตามสไตล์ได้อย่างง่ายดาย ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และโหมดการขับขี่แบบประหยัด (Econ Mode) คู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD

    Honda

    และเบนซินเทอร์โบ Di VTEC TURBO 1.5 ลิตร L15BE 190 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 240 นิวตันเมตรที่ 1,700-5,000 รอบ/นาทีจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ทั้งคู่เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD มีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 14.3 กม./ลิตร  และรองรับน้ำมัน E85

    ความปลอดภัย Honda SENSING ให้ครบในทุกรุ่นย่อยตั้งแต่ ผสานการทำงานของกล้องด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS), ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

    เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

    ครั้งแรกกับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD) ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถด้านหน้าและคนเดินถนน เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

    Honda

    พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่น ๆ อาทิ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) (ยกเว้นรุ่น E) เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC) ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) แสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) ช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) (รุ่น e:HEV ES และ e:HEV RS 4WD)ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)Honda

    Honda

    Honda CR-V ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ดังนี้

    • รุ่น e:HEV RS 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,729,000 บาท
    • รุ่น e:HEV ES 5 ที่นั่ง ราคา 1,589,000 บาท
    • รุ่น EL 4WD   7 ที่นั่ง ราคา 1,649,000 บาท
    • รุ่น ES 4WD   5 ที่นั่ง ราคา 1,599,000 บาท
    • รุ่น E             5 ที่นั่ง ราคา 1,419,000 บาท

    โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD และ e:HEV ES สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก)

    – สีน้ำเงินแคนยอน ริเวอร์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD และ e:HEV ES – สำหรับสีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 12,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 8,000 บาท

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts