นับเป็นค่ายรถยนต์ Start Up จากจีนที่ก้าวกระโดดบุกต่างประเทศและประสบความสำเร็จในด้านยอดขายโดยเฉพาะเมืองไทยสำหรับ NETA
โดยเฉพาะรุ่นเรือธงค่ายอย่าง NETA V ที่ยอดขายโตวันโตคืนมียอดส่งมอบเดือนละ 1,000 คัน และครบ 10,000 คัน ในต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 20% ในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศได้อย่างสำเร็จและมียอดจดทะเบียนสูงเป็นอันดับสอง ส่วนเมืองจีนประเทศต้นกำเนิดของ NETA หรือ Hozon Auto คิดการใหญ่เตรียมรถใหม่อีกสามรุ่นภายในปี 2025 โดยสามรุ่นใหม่นั้นจะมีค่าตัวต่ำกว่า 300,000 Yuan หรือราว 1,499,000 บาท จากเดิมจะมีขายทั้ง NETA V, NETA U, NETA AYA (รุ่นปรับโฉมของ NETA V), NETA S และ NETA GT
ด้านรถใหม่ทั้งสามรุ่นที่จะเปิดตัวในสามปีข้างหน้ามีสองในสามรุ่นที่ได้เผยในโลกออนไลน์เริ่มที่ NETA X หรือรุ่นปรับโฉมของ NETA U ที่จะเปิดตัวจีนช่วงไตรมาสที่สีของปี 2023 ในรหัส EP37 ภายนอกหล่อใหม่สปอร์ตเท่ด้วยคิ้วไฟ DRL แบบ LED ส่วนบนเปรียบเสมือนคิ้ว กับขุดกันชนหน้ากับกระจังหน้าทรงทึบติดตราโลโก้ NETA ใต้ช่องไฟ DRL ติดตั้งไฟหน้า LED ขนาดเล็กไว้ ตกแต่งขอบส้ม พร้อมช่องระบายอากาศออกแบบใหม่ ด้านข้างตกแต่งด้วยคิ้วชายล่างสีเดียวกับตัวรถผสมความเข้มด้วยคิ้วขอบล้อสีดำ กระทะล้อและล้ออัลลอยหลายสไตล์ตั้งแต่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/65 R17 ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/60 R18 และขนาด19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R19 ตัวรถมีความยาว 4,619 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,860 มิลลิเมตร ความสูง 1,628 มิลลิเมตรแ ละระยะฐานล้อ 2,770 มิลลิเมตร
ภายในใหม่หมดหรูหราด้วยโทนสีทูโทน สีดำน้ำตาล พร้อมสัมผัสขนาดใหญ่ขนาด 15.6 นิ้ว และจอมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล LCD แยกออกจากกันขนาด 8.9 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์ใหม่ พร้อมขุมพลังไฟฟ้ามีสองทางเลือกเริ่มที่รุ่น Standard Range ด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 66 kWh จาก CATL ให้กำลังถึง 163 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 9.5 วินาทีโดยชาร์จช้า AC นั้นจาก 20-100% จะใช้เวลาในการชาร์จ 8 ชั่วโมง แต่ถ้าชาร์จเร็ว DC 30-80% จะใช้เวลา 30 นาที
ยังมีรุ่น Extended Range 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 610 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ความเร็วสูงสุด 155 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนล้อหน้า โดยชาร์จช้ากระแสตรง AC จาก 0-100% จะใช้เวลาในการชาร์จ 8.5-13 ชั่วโมง แต่ถ้าชาร์จเร็วกระแสตรง DC 30 จนถึง 80% จะใช้เวลา 30 นาที มาพร้อมโหมดการขับขี่ทั้งแบบ Normal กับ Sport เด่นด้วยฟังก์ชันการปล่อยไฟฟ้าภายนอก V2L (Vehicle to Load) ที่สามารถจ่ายไฟจากตัวรถได้ 3.3 kW (3,300W)
นอกจาก NETA X แล้วยังมีเอสยูวีรุ่นใหม่ในรหัส EP32 ล่าสุดพรางตัวทดสอบแล้วสร้างขึ้นด้วยแพลต์ฟอร์ม Shanhai chassis 2.0 และ Haozhi technology โดยต้นสังกัดได้ยื่นเครื่องหมายการค้าไปแล้วทั้งชื่อ NETA H หรือ NETA Y คาดจะเปิดตัวในปี 2024 และส่วนรุ่นใหม่ในรหัส EP34 จะเปิดตัวในปี 2025 ทั้งสามรุ่นใหม่ของ NETA จะเปิดตลาดส่งออกขายทั่วโลกซึ่งรวมถึงเมืองไทยด้วยหรือไม่นั้นต้องติดตาม
ที่มา CarNewsChina
