More

    BYD ATTO 3 MY24 พร้อมสีใหม่เพิ่มออปชันเผยไทย 22 กุมภาพันธ์

    กลายเป็นรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จในไทยด้วยยยอดขายและยอดจองอันดับ 1 สำหรับ BYD ATTO 3 และกลายเป็นหนึ่งรุ่นสำคัญของค่าย BYD

    BYDด้วยยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 100% แบ่งเป็นแบรนด์รถทาง BYD ทำได้ 30,650 คัน และในส่วนรุ่น ATTO 3 มียอดจดสูง 19,214 คัน นับเป็นจำนวนที่สูงที่สุด และเพื่อต้อนรับมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเวอร์ชัน 3.5 ทาง เรเว่ ออโตโมทีฟ ผู้จำหน่ายรถยนต์ BYD อย่างเป็นทางการในไทยเตรียมเผยรถใหม่ที่จะมาเขย่าตลาดด้วยการแนะนำ BYD ATTO 3 รุ่นปรับปรุงใหม่ MY2024

    มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ด้วยการเพิ่มสีภายนอกรถใหม่ด้วยสีดำ Cosmos Black ด้านท้ายเปลี่ยนมาใช้โลโก้ BYD แทนโลโก้เดิม  Build Your Dream และ เสา D ตกแต่งใหม่ด้วยสีดำแทนสีเทา นอกนั้นคงเดิมทั้งกระจังหน้าแบบปิดทึบขอบกระจังหน้าห่อหุ้มด้วยเส้นโครเมียม คาดไฟหน้าแบบ LED มาพร้อมระบบไฟส่องนําทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) ปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist (HMA)

    มีไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Daytime Running Light (DRL) ในโคมเดียวกันในชุดกันชนหน้าทูโทนสีพร้อมสีดำในรูปแบบช่องระบายอากาศ ด้านข้างตกแต่งด้วยกรอบกระจกโครเมียม เสา C ขนาดใหญ่ขึ้นรูปลายคลื่นน้ำสีเงิน ไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ปีกนก ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 215/55R18 สร้างจากพื้นฐาน BYD’s e-platform 3.0 ด้วยมิติตัวรถ ตั้งแต่ความยาว 4,455 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,875 มิลลิเมตร ความสูง 1,615 มิลลิเมตร  ฐานล้อ 2,720 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 175 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,680- 1,750 กิโลกรัม

    BYDภายในมีการปรับในส่วนโทนสีตกแต่งเป็นสีน้ำเงินเข้ม Dark Blue หน้าจอสัมผัส Infotainment เพิ่มขนาดเป็น 15.6 นิ้ว (เดิม 12.8 นิ้ว) อัปเกรดซอฟต์แวร์ใหม่ ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ สามารถปิดระบบแจ้งเตือนคนข้ามถนนได้ เมื่อใส่เกียร์ P สามารถปิดไฟ Daytime Running Light ได้ แอปพลิเคชัน Karaoke นอกนั้นคงเดิมทั้งจอสัมผัสหมุนจอได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เชื่อมต่อ Apple Car Play Android Auto พร้อมลำโพง Dirac HD Sound 8 จุด ที่ชาร์จมือถือไร้สาย เชื่อมต่ออัจฉริยะ BYD DiLink มาตรวัดดิจิทัล 5 นิ้ว แสดงผลการขับขี่ เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 พร้อมพื้นที่สัมภาระมากถึง 1,340 ลิตรเมื่อพับเบาะลงและ 440 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ

    เบาะไฟฟ้าคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางสำหรับคนขับและ 4 ทิศทางสำหรับคนนั่ง พร้อมความสะดวกสบายทั้งช่องจ่ายไฟ 12V 120w 1 จุด ที่คอนโซลกลาง กุญแจแบบคีย์การ์ด พร้อมระบบ Keyless Start กระจกไฟฟ้า 4 บานแบบ One-touch พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Anti-Pinch ระบบเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ระบบกรองอากาศ PM 2.5 พร้อม CN95 Filter และไฟ Ambient Light บริเวณมือจับประตู ปรับสีได้ 31 สี กะพริบตามจังหวะเพลง มีช่องเสียบ USB ทั้ง ช่อง USB-A และ USB-C อย่างละ 1 พอร์ต ที่คอนโซลกลาง และช่อง USB-A และ USB-C อย่างละ 1 พอร์ต สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

    BYDขุมพลังไฟฟ้าให้กำลังมากถึง 201 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าแบบ Permanent magnet synchronous motor ด้วยความจุแบตเตอรี่ BYD Blade Battery 60.48 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 480 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.3 วินาที และรุ่นเริ่มต้น Standard Range แรงม้าแรงบิดเท่าเดิมแต่ความจุแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ลดลงมาเหลือ 49.92 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 410 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

    ทั้งคู่มาพร้อมระบบชาร์จเร็ว DC – CCS 2 (70 และ 80kW) สามารถชาร์จได้เร็วสุด 30 นาที 30-80% และชาร์จแบบ AC Type 2 (7kW) เร็วสุด 8.5 ชั่วโมง รองรับหัวชาร์จ แบบ AC 3 ขา  พร้อมระบบ V2L (Vehicle To Load) จ่ายไฟฟ้าได้ 2.2 kW และดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative braking) มั่นใจด้วยช่วงล่างอิสระสี่ล้อ

    BYDระบบความปลอดภัยมาครบทั้ง ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (ACC-S&G), ช่วยเบรกอัตโนมัติ Automatic Emergency Braking (AEB), เตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning (FCW), เตือนการชนด้านหลัง Rear Collision Warning (RCW), เตือนจุดอับสายตา Blind Spot Monitoring (BSD)

    เตือนก่อนเปิดประตู Door Open Warning (DOW), เตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW), ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist (LKA), เตือนขณะถอย Rear Cross Traffic Alert (RCTA) และเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Brake (RCTB)

    BYD ATTO 3 MY2024 มีทั้งหมด 5 สีไม่ว่าจะเป็น สีเทา Graphite สีขาว Frost สีฟ้า Lagoon สีเขียว Emerald สีแดง Solar และสีใหม่สีดำ Cosmos Black เตรียมเปิดตัวที่ไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ จับตาว่าราคาจะปรับขึ้นมากน้อยหรือไม่ต้องติดตาม

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts