More

    2024 Honda CR-V เอสยูวีทรงสปอร์ตขายออสซี่ 1 กันยายน

    หลังจากเปิดตัวในไทยไปแล้วสำหรับ Honda  CR-V เอสยูวีหรูที่ออกมาทำตลาดเป็นเจเนอเรชันที่ 6 โดยเมืองไทยยังยอดจองค้างส่งเป็นจำนวนมาก

    Honda

    ล่าสุด ออสเตรเลีย ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวเสียทีกับ Honda CR-V เจนที่ 6 หล่อทั้งคันแบบเดียวกับเวอร์ชันไทยตั้งแต่

    • กระจังหน้าดีไซน์พิมพ์นิยมแบบ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม
    • กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ
    • ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED
    • หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) เปิดมุมมองใหม่ที่พรีเมียมยิ่งขึ้นกับ
    • ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรีพร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close)
    • เสาอากาศครีบฉลาม
    • ปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่
    • ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18

    พิเศษกับรุ่น RS ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคันเสริมเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น

    • สัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า
    • กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ Piano Black
    • กันชนหน้าและหลังสีเดียวกับตัวรถ
    • ชายกันกระแทกด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ
    • คิ้วตกแต่งประตูข้างสีดำ Gloss Black
    • ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED
    • สปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถและสีดำ Piano Black
    • เสาอากาศครีบฉลามสีดำ Piano Black
    • ล้ออัลลอย 19 นิ้ว แบบสปอร์ต พร้อมยาง 235/55R19

    Hondaภายในห้องโดยสารกว้างขวางด้วยชุดตกแต่งภายในลายอะลูมิเนียมปัดเงาและสีดำ Piano Black เบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ตครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม อาทิ

    • ควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ พร้อม Honda Smart Key Card
    • บันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat)
    • ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient Light)
    • ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasma Cluster
    • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา แบบ i-Dual Zone ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 3
    • ไฟอ่านหนังสือด้านหลัง LED แบบสัมผัส
    • ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD)
    • เครื่องเสียง BOSE พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย Android Auto รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
    • มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว (มีขนาด 7 นิ้วให้เลือก)
    • อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
    • ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่ง (USB Type-C 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง  2 ตำแหน่ง)
    • พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง

    ขับเคลื่อนสู่ทุกจุดหมายอย่างมั่นใจกับทางเลือก 2 ขุมพลังที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการขับขี่ ทั้งเบนซิน e:HEV 2.0 ลิตร รหัส LFAS1 Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลัง 148 แรงม้าที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิด 183 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ พร้อม มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) ให้กำลัง 184 แรงม้า ที่ 5,000-8,000 รอบ/นาที แรงบิด 335 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบ/นาที เมื่อทำงานร่วมกันจะได้พลังแรงสุด 207 แรงม้า

    ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานได้อย่างชาญฉลาด 3 โหมด ได้แก่ EV Drive Mode, Hybrid Drive Mode และEngine Drive Mode มาพร้อมสวิตซ์โหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch) เลือกปรับโหมดการขับขี่ตามสไตล์ได้อย่างง่ายดาย ได้แก่ Sport Mode, Normal Mode และโหมด Econ Mode คู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) แต่ออสเตรเลียเลือกได้เฉพาะรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น

    และเบนซินเทอร์โบ Di VTEC TURBO 1.5 ลิตร L15BE 190 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 240 นิวตันเมตรที่ 1,700-5,000 รอบ/นาทีจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ทั้งคู่เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD

    ความปลอดภัย Honda SENSING ให้ครบในทุกรุ่นย่อยผสานการทำงานของกล้องด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้

    • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
    • เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
    • ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
    • ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB)
    • เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

    พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่น ๆ อาทิ

    • ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS)
    • เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC)
    • ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL)
    • แสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
    • ช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor)
    • ช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)
    • ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)

    Honda

    Honda CR-V ใหม่ จำหน่ายที่ออสเตรลีย โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก) ขายจริง 1 กันยายนนี้ โดยมีทั้งหมด 7 รุ่นย่อยทั้ง รุ่น e:HEV RS  5 ที่นั่ง, รุ่น VTi LX AWD 5 ที่นั่ง, รุ่น VTi L AWD 5 ที่นั่ง, รุ่น VTi L7 7 ที่นั่ง, รุ่น VTi X7 7 ที่นั่ง, รุ่น VTi L 5 ที่นั่ง และรุ่น VTi X 5 ที่นั่ง ในราคาเริ่มต้น $44,500- $59,900 หรือ 1,019,000-1,369,000 บาท

    ที่มา Carsales

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts