หลังจากเปิดตัวเวอร์ชันขายจริงที่งาน Auto China 2024 ที่ผ่านมาจนชาวจีนสนใจและอยากเป็นเจ้าขอองกับ Honda e:NS2 เก๋งอีวีไซซ์คอมแพ็ค
ล่าสุดทาง Dongfeng Honda พร้อมที่จะเปิดตัวและอาจเปิดราคาขายด้วยตัวรถโดดเด่นทั้งคันเริ่มที่ไฟหน้า LED สามดวงใหญ่ พร้อมไฟ Daytime LED เป็นรูปตัว H ลากยาว ประกบด้วยตรา H ในชุดกันชนหน้าแบบมีสเกิร์ตในตัว ไฟท้าย LED รูปตัว H พร้อมกันชนหลังมีครีบ 5 เส้นตรงกลางแบบสปอร์ตพร้อมสเกิร์ตในตัวและล้ออัลลอยลายเข้มขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R18 ด้วยดีไซน์หลังคาที่ลาดลงโดยมาในแบบรถ Fastback 5 ประตูในแนว Coupe SUV ด้วยมิติตัวรถตั้งแต่ความยาว 4,788 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,838 มิลลิเมตร ความสูง 1,570 มิลลิเมตร และฐานล้อ 2,735 มิลลิเมตร
ภายในเผยความหรูด้วยโทนสีเข้มดำ-ขาว แผงคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่าย พร้อมมาตรวัดความเร็วแบบจอแนวนอน Built-In ฝังในช่องแอร์แนวยาว มาพร้อมจอสัมผัสระบบความบันเทิงขนาดใหญ่ลอยตัว ขนาด 12.8 นิ้ว พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน และมีจอแสดงข้อมูลเหนือคอนโซลหน้า HUD ขนาด 11.5 นิ้ว มาให้ และปุ่มเกียร์อัตโนมัติ เบาะนั่งสบาย 5 ที่นั่งพร้อมเบาะหลังพับได้แบบ 60/40 มาพร้อมการเชื่อมต่อ Honda Connect 4.0 และลำโพงคุณภาพจาก BOSE 12 ตำแหน่ง
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนที่ยกมาจาก Honda e:N1 เวอร์ชันไทยด้วยขุมพลังไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) พร้อมความจุแบตเตอรี่ lithium 68.8 kWh ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้าที่ 4,621-5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 310 นิวตันเมตรที่ 0-4,621 รอบต่อนาที พร้อมโหมดการขับขี่ SPORT / NORMAL / ECON ชช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย Deceleration Paddle Selectors แบบ Paddle Shift
วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่ง 500 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC หรือ 545 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC ขับเคลื่อนล้อหน้า ให้ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งชาร์จกระแสตรง DC CCS2 กำลังสูงสุด 78 kW 0-80% ภายใน 46 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC Type 2 กำลังสูงสุด 11 kW 10-80% ภายในเวลา 6.45 ชั่วโมงและระบบความปลอดภัย Honda SENSING
และหลังจากเปิดขายล่วงหน้า หรือ Pre Sales ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม โดยราคาขายล่วงหน้าเริ่ม 159,800-179,800 Yuan หรือราว 819,000-919,000 บาท แน่นอนว่า Honda e:NS2 จะเปิดตัวและราคาจำหน่ายเป็นทางการที่จีนในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ รับกับนโยบายของ Honda ที่ตระหนักความเป็นกลางทางคาร์บอนผ่านผลิตภัณฑ์และกิจกรรมภายในปี 2050 โดยรถ Honda ที่จำหน่ายในจีนหลังปี 2030 จะเน้นทั้ง e:HEV Full Hybrid, e:PHEV Plug In Hybrid และ BEV และภายในปี 2035 จะเน้นขาย BEV ล้วนของจีน
ต้้งเป้ายอดขายคิดเป็น 100% และในปี 2040 เน้นขายรถ BEV ทั่วโลกอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการเผยโฉมรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ Honda e:N Series อีก 10 รุ่น ภายในปี 2027 โดยทุกรุ่นจะผลิตที่เมืองจีน