ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเอ็มพีวีอย่าง Hyundai Staria HEV ที่ได้ติดตั้งขุมพลังไฮบริดเปิดตัวที่แรกของโลกที่เกาหลีก่อนที่จะขายตลาดโลก
ขุมพลังแน่นอนว่ายกมาจาก Hyundai Santa FE กับเบนซินเทอร์โบ Smartstream G1.6 T-GDi Hybrid รหัส VV ให้พลัง 180 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 265 นิวตันเมตรที่ 1,500 ถึง 4,500 รอบต่อนาที
จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 60 แรงม้า ที่ 1,600 ถึง 2,000 รอบต่อนาที แรงบิด 264 นิวตันเมตรที่ 1,600 รอบต่อนาที พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion Polymer ความจุ 1.49 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวมสูงสุด 245 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดรวม 367 นิวตันเมตรที่ 1,500 ถึง 4,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบปุ่มกด Shift-by-Wire พร้อม Paddle Shift ประหยัดสุด 13 กิโลเมตรต่อลิตร
ออปชันที่เพิ่มมาใน Hyundai Staria HEV ทั้ง เซนเซอร์กรองฝุ่นในอากาศ พร้อมกรองอากาศ ระบบไล่ฝ้าอัตโนมัติ หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ทำงานร่วมกับกล้องมองหลัง ตกแต่งภายในด้วยสีสดใสขลิบสีฟ้า และขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/65R17 และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่เพิ่มระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ เร่งและลดความเร็วสามารถปรับได้ เปลี่ยนเกียร์ตามสภาพการขับขี่และการจราจร
นอกจากนี้ยังมีการปรับตัวตนใหม่ Hyundai STARIA MY2024 ให้ดูดีไม่ว่าจะเป็น โลโก้แบรนด์ใหม่ออกแบบสองมิติ ประตูสไลด์ไฟฟ้าปรับความเร็วในการเปิด-ปิดช้าลงพร้อมสัญญาณเตือนระหว่างเปิด-ปิด ประตู ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ เซนซอร์เตือนระยะจอดรถด้านหน้า ไฟภายในมาแบบ LED ที่เสียบชาร์จ USB แบบ Type-C กุญแจ Smart Key ดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยสีดำเงาขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/55 R18 ในรุ่น The Lounge
บนพื้นฐานออปขันเดิมด้วยชุดไฟหน้า LED ถูกจัดวางในตำแหน่งชายกันชนหน้าระดับแนวขอบยางด้านบนและเหนือขึ้นไปกับไฟ DRLs คาดยาวสองฝั่งคล้ายกับแว่นตาของหุ่นยนต์เพื่อเข้ากับกระจังหน้าลายตาข่าย ออกแบบพื้นที่กระจกบานหน้าขนาดใหญ่และลาดเอียงขึ้นไปถึงแนวหลังคาด้านบน
เมื่อมองจากด้านข้างระยะโอเวอร์แฮงค์ด้านหน้าดูสั้นลงกว่าเดิม ด้านท้ายติดตั้งไฟ LED แบบ Parametric Pixel ดีไซน์ในแบบตารางๆกันชนท้ายตั้งอยู่ในระดับต่ำช่วยให้ขนสัมภาระเข้า-ออก ได้ง่ายมากขึ้น พื้นที่กระจกรอบคัน ได้รับการออกแบบให้กว้างค่อนข้างมาก และประตูท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบ Smart
ห้องโดยสารเพลิดเพลินและสะดวกสบายพร้อมคุณภาพการเก็บเสียงเหนือระดับ เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ เพื่อความสะดวกสบายแบบไม่มีที่สิ้นสุดอย่าง จอมาตรวัดดิจิตอลขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว ติดตั้งบริเวณด้านบนของแผงคอนโซล เพิ่มทัศนวิสัยให้ผู้ขับขี่มากขึ้น หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้วติดตั้งบริเวณคอนโซลกลาง พร้อมลำโพง 6 ตัว รองรับ Apple CarPlay Android Auto แบบไร้สาย
พร้อมระบบชาร์จมือถือไร้สาย (Wireless Charger) เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold ระบบช่วยหยุดอยู่กับที่โดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้ และปลดเบรกอัตโนมัติเมื่อแตะคันเร่ง กุญแจรีโมท Smart Keyless Entry พร้อมระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจ Remote Engine Start และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกปรับอิสระหน้า – หลัง
สองขุมพลังยอดนิยมไม่ว่าจะเป็นดีเซลเทอร์โบแปรผัน VGT ขนาด 2.2 ลิตร รหัส D4HB แรงสุด 177 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิด 441 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที และ เบนซิน V6 Smartstream G 3.5 MPi ให้กำลัง 272 แรงม้าที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 331 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบต่อนาที ทั้งสองจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แบบปุ่มกด Shift-by-Wire พร้อม Paddle Shift ขับเคลื่อนล้อหน้าใช้ช่วงล่างแบบมัลติ-ลิงค์ด้านหลังเพิ่มความนุ่มนวล
พร้อมความปลอดภัย Hyundai Smart Sense อาทิ ระบบช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Forward Collision Avoidance Assist ช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ทางแยก Forward Collision-Avoidance Assist Junction Turning Function ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keeping Assist รถให้อยู่กลางเลน Lane Following Assist ช่วยเตือนและช่วยควบคุมพวงมาลัยเมื่ออยู่ในจุดอับสายตา Blind-Spot Collision-Avoidance Assist
กล้องมองรอบทิศทาง Surround View Monitor กล้องมองภาพจุดอับสายตา Blind-Spot View Monitor เตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ Rear Cross-traffic Collision Avoidance Assist แจ้งความดันลมยางอัตโนมัติ TPMS ป้องกันการเปิดประตูสไลด์เมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง Safe Exit Assist และ ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Smart Cruise Control
ออปชันมาตรฐานทุกรุ่นอาทิ แจ้งเตือนผู้โดยสารด้านหลัง Rear Occupant Alert ถุงลมนิรภัยรอบคัน เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดครบ 11 ที่นั่ง จุดติดตั้งคาร์ซีทสำหรับเด็ก (ISOFIX) 2 จุด ควบคุมเสถียรภาพ ESC ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill-start Assist Control ควบคุมเสถียรภาพเมื่อมีลมปะทะข้างตัวรถ CSC ช่วยหยุดรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ Multi Collision Brake และเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind-Spot Collision Warning
เบื่องต้นเปิดรับจองแล้วที่เกาหลีตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาขายสามเกรดทั้งรุ่น Cargo 3 กับ 5 ที่นั่ง รุ่น Tourer 9 กับ 11 ที่นั่ง และ The lounge 7 และ 9 ที่นั่ง ขายจริงเมษายนนี้ในราคาเริ่มต้น KRW 34,330,000- 46,140,000 หรือราว 925,000-1,245,000 บาท สำหรับรุ่น HEV
สำหรับรุ่น 2.2 ดีเซล มาในราคาเริ่มต้น KRW 28,470,000- 42,840,000 หรือราว 765,000-1,155,000 บาท และ KRW 29,980,000- 42,540,000 หรือราว 809,000-1,145,000 บาท สำหรับรุ่น 3.5 V6 ส่วนเมืองไทยมีโอกาสมาแน่นอนทั้งรุ่น Model Year และรุ่น HEV
ที่มา Hyundai
