More

    LOTUS EMEYA 918 ม้า เปิดตัว Motor Show คาดเริ่มต้นเกือบ 6 ล้าน

    หลังจากเปิดรับจองตั้งแต่ต้นปีในไทยสำหรับ LOTUS EMEYA ไฮเปอร์คาร์อีวีสานต่อความสำเร็จหลังเก๋งตัวแรงอย่าง LOTUS Carlton ออกอาละวาดในยุค 90

    LOTUS

    ล่าสุด โลตัส คาร์ ไทยแลนด์ พร้อมที่จะเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าลำดับที่สองอย่างเป็นทางการในไทย LOTUS EMEYA ในรหัส Type 133 ท้าชนกับ Tesla Model S และ Porsche TAYCAN Turbo หน้าตาคล้ายกับ LOTUS ELETRE ตั้งแต่ ไฟหน้า LED ทรงบูมเมอแรง กระจังหน้าแบบแอ็คทีฟทำงานสัมพันธ์ตามความเร็วของรถเพิ่มประสิทธิภาพในการะระบายอากาศในส่วนแบตเตอรี่และเบรกให้เย็นลงขึ้น ชุดกันขนหน้าและหลังออกแบบมีลิ้นสปอยเลอร์หรือดิฟฟิวเซอร์ติดตั้งต่ำกว่ากันชนหน้าเพิ่มความลู่ลมเสริมความสวยให้กับตัวรถ

    กระจกมองข้างขนาดเล็กสามารถดูได้จากกล้องมองภาพในรถ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟบานใหญ่ และที่สำคัญรถคันนี้เป็นแบบกระจก Hardtop ไร้กรอบ พร้อมไฟท้าย LED ดีไซน์โค้งมนแนวยาว สปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟเปิดปิดสัมพันธ์ตามความเร็วของรถเช่นเดียวกับกระจังหน้าโดยมีความกว้าง 11 นิ้ว ความกว้าง 3.9 นิ้ว สามารถสร้างแรงกดมากกว่า 215 กิโลกรัมและล้ออัลลอยเลือกได้ตั้งแต่ขนาด 20 กับ 21 นิ้ว

    โดยตัวรถสร้างจากพื้นฐาน Electric Premium Architecture (EPA) แบบเดียวกับ LOTUS ELETRE ด้วยความยาว 5,100 มิลลิเมตร และฐานล้อ 3,070 มิลลิเมตร

    LOTUS

    ภายในนั่งได้ 4 ที่นั่ง พร้อมออปชันแบบเดียวกับรุ่น ELETRE จอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.1 นิ้ว OLED พร้อมลำโพงคุณภาพจาก KEF มากสุด 23 จุด ให้ระบบเสียงสามิติ ที่ละเอียดมาก มาตรวัดดิจิทัลที่มีขนาดเล็ก 1.1 นิ้วทั้งสองฝั่งคนขับและคนนั่งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสองก้านทรงล้ำอนาคต

    ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร Ambient Light ช่องเก็บของหลากจุดที่หยิบวางง่ายดาย จอแสดงข้อมูลบนคอนโซลหน้า Heads Up Display แบบ Augmented Reality ขนาด 55 นิ้ว เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็ว

    การตกแต่งภายในที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนกับการใช้เส้นด้ายที่มาจากเศษผ้าฝ้ายที่ใช้ในอุตสาหกรรมแฟชั่นและเสื้อผ้าร้อยลงในเบาะนั่งทรงสปอร์ตจากวัสดุหนังคุณภาพอย่างหนัง Alcantara, ผ้าจากวัสดุโพลียูรีเทน และหนัง NAPPA และการเคลือบด้วยไอทางกายภาพ Physical Vapor Deposition (PVD) ในการเคลือบสีเมทาลิกบนพื้นผิวห้องโดยสารพร้อมระบบ Lidar และความจุสัมภาระท้าย 509 ลิตร

    LOTUS

    ตัวรถในร่างเก๋ง Liftback 4 ประตูมีความว่องไวเร้าใจในการขับขี่พร้อมขุมพลังไฟฟ้าอาจยกมาทั้งหมดจาก LOTUS ELETRE ด้วยความจุแบตเตอรี่ Lithium-ion 102 kWh ขับเคลื่อนสี่ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanent magnet มีให้เลือกถึงสองความแรงเริ่มที่รุ่น  EMEYA S ให้กำลัง 612 แรงม้า แรงบิด 710 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.15 วินาที วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 610 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP

    รุ่นท็อปสุด EMEYA R ให้ความแรง 918 แรงม้า แรงบิด 985 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 256 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 2.78 วินาที ส่วนอัตราเร่งแซง 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ต่ำกว่า 2 วินาที วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 485 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP

    พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed ที่ล้อหน้าและ Two Speed ที่ล้อหลัง การชาร์จไฟด้วยกำลังไฟแบบกระแสตรง DC สูงสุด 350 KW ชาร์จ 10-80% ในเวลาสั้นๆเพียง 18 นาที สามารถเพิ่มระยะทางวิ่งไกลสุดได้ 150 กิโลเมตร ภายใน 5 นาที และชาร์จแบบกระแสสลับ AC พร้อมช่วงล่างถุงลม

    Lotus

    ความปลออดภัย ADAS ไม่ว่าจะเป็น ควบคุมความเร็วและระยะห่างแบบแปรผัน Intelligent Adaptive Cruise Control (ACC) เตือนการชนด้านหน้า Collision Mitigation Support Front (CMSF) อ่านป้ายจราจร Traffic Sign Information (TSI) เตือนมุมอับขณะเปิดประตู Door Open Warning (DOW) เตือนมุมอับขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA) เตือนมุมอับด้านหน้ารถ Front Cross Traffic Alert (FCTA) ช่วยเปลี่ยนเลน Lane Change Assist (LCA)

    ตรวจจับเด็กบริเวณเบาะนั่ง Children Presence Detection (CPD) เตือนและช่วยให้รถเข้าไปในเลน Lane Keep Aid with Lane Departure Warning / Prevention (LKA+) เบรกฉุกเฉิน Parking Emergency Brake (PEB) เตือนการชนด้านหลัง Collision Mitigation Support Rear (CMSR) ปุ่มโทรเรียกรถฉุกเฉิน Emergency Rescue Call (E-Call)

    Lotus

    LOTUS EMEYA ยนตกรรมไฟฟ้ารุ่นล่าจาก LOTUS Technology ผลิตที่โรงงาน GEELY ในเมืองหวู่ฮั่น ประเทศจีน โรงเดียวกับรุ่น ELETRE เริ่มผลิตตั้งแต่ปี 2024 ตามแผนรถใหม่ของ​ LOTUS ยังมีรุ่นใหม่อีกสองรุ่นตามมาทั้งแบบเอสยูวีขนาดเล็กในปี 2024 และสปอร์ตคาร์ในปี 2025 เปิดตัวที่จีนตั้งแต่ 18 มกราคมที่ผ่านมา

    เตรียมส่งทำตลาดตั้งแต่ไตรมาสสามปีนี้ประเดิมที่อังกฤษ ในราคาเริ่มต้น £94,950-129,950 หรือราว 4,315,000-5,935,000 บาท และประเทศอื่นๆในกลุ่มยุโรปมีด้วยกันถึง 6 สี ได้แก่สีใหม่ 2 สี กับสีเทา Boreal Grey และสีเหลือง Fireglow Orange และสีเดิมทั้ง สีเหลือง Solar Yellow, สีขาว Akoya White สีดำ Stellar Black และสีเทา Kaimu Grey

    ด้านเเมืองไทยเปิดตัวและเปิดราคาที่งาน Bangkok Motor Show 2024 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน คาดค่าตัวเริ่มต้น 5,800,000 บาท และส่งมอบภายในปีนี้

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts