หลังจากเปิดตัวที่ต่างประเทศพร้อมจำหน่ายทั่วโลกเพียง 1,000 คัน สำหรับ Mercedes-AMG G 63 Grand Edition รุ่นพิเศษสายลุยทรงเหลี่ยมระดับตำนาน
ล่าสุดมาถึงเมืองไทยมาพร้อมกับตัวรถสีดำเข้ม Manufaktur night black mango คาดสีทองเข้มไว้ที่แผงการ์ดกันชนหน้าและกันชนหลัง ขอบฝาครอบยางอะไหล่ สติ๊กเกอร์ข้างประตู โลโก้ AMG และ Mercedes-AMG ทาด้วยสีทอง Kalaharigold พิเศษสุดล้ออัลลอยลายพิเศษ 7 ก้านคู่ขนาด 22 นิ้ว สีทอง Tech Gold พร้อมดุมล้อตราดาวสีดำด้านและตราดาวสามแฉกสีทอง พร้อมยาง 295/40R22 และดิสก์เบรก 4 ล้อ ทาสีแดงที่คาร์ลิปเปอร์สีแดงจาก AMG
พร้อมออปชันเดิมไฟหน้าทรงกลม MULTIBEAM LED เทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ยามค่ำคืนและปลอดภัยสูงสุด ไฟเลี้ยวเชื่อมเข้ากับตัวถัง ที่แขวนยางอะไหล่ด้านหลังพร้อมฝาปิดทำจากสแตนเลสที่มีตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz แบบ 3 มิติ
มาในรหัส W464 มิติตัวรถตั้งแต่ความยาว 4,881 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,984 มิลลิเมตร ความสูง 1,969 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 238 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 3,500 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 100 ลิตร 
ภายในสุดเท่ด้วยโทนเข้มสีดำตัดกับสีทองเบาะหนังแท้หุ้มด้วยวัสดุหนัง NAPPA สีดำ Manufaktur ตะเข็บสีทอง มือจับบริเวณคอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าหุ้มหนังปักชื่อ Grand Edition และมือจับบนเพดานหุ้มหนัง พร้อมออปชันเดิมทั้งจอดิจิทัลคู่ widescreen ขนาด 12.3 นิ้ว ที่เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียวภายในกระจกขนาดใหญ่ สามารถแสดงผลได้ 3 แบบคือ Classic, Sporty และ Progressive แสดงภาพด้วยระบบ COMAND Online บนจอแสดงผล
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน AMG Performance แบบท้ายตัดหุ้มหนัง NAPPA ตัดสลับ DINAMICA Microfibre มีขอบโค้งจับได้กระชับมือและส่วนนูนบอกตำแหน่งการจับเพื่อช่วยให้ควบคุมรถได้ง่าย ติดตั้งระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system และไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี
ช่องลมของเครื่องปรับอากาศทรงกลม สวิตช์ปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบช่วงล่างที่เป็นสีเงินโครเมี่ยม ชุดเบาะนั่งมีระบบจดจำการปรับตั้งค่าเบาะระบบอุ่นเบาะสำหรับทุกคนในห้องโดยสาร พนักพิงศีรษะสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า เบาะหลังสามารถพับลงได้ 3 ตอน คือ 40%, 60% และ 100%
เบนซินเทอร์โบคู่ Biturbo V8 ขนาด 4.0 ลิตร รหัส M177 ให้กำลังสูงสุดถึง 585 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 850 นิวตันเมตรที่ 2,500 – 3,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีอัตราการสิ้นเปลือง 6.25 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 363 กรัมต่อกิโลเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed บเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ (Steering-wheel gearshift paddles)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG PERFORMANCE 4MATIC all-wheel drive สุดยอดยนตรกรรมสำหรับการตะลุยเส้นทางแบบออฟโรดได้อย่างไร้ที่ติเน้นการกระจายกำลังไปที่ล้อคู่หลังแบบ 40:60 ช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL ที่ปรับได้ตามสไตล์การขับขี่และสภาพถนน โดยระบบจะอ้างอิงข้อมูลต่างๆ เช่นทิศทางและความเร็วของรถ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับได้ 3 โหมด คือ Comfort, Sport, และ Sport+
พร้อมความปลอดภัยรอบคันทั้ง ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE system) ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตําแหน่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง สําหรับผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program) ป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) เบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC)
ช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA (Active Brake Assist) ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (adaptive brake light) รักษาความเร็ว (cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC) ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist) เตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator) เตือนแรงดันลมยาง และหน้าจอแสดงสถานะลมยาง (Tyre pressure monitoring system)
ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) เซนเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) ช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) ช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร (Active Lane Keeping Assist) ช่วยเหลือฉุกเฉินแบบ emergency call system บังคับและควบคุมการส่งกำลังแบบ 100% differential locks และ กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
Mercedes-AMG G 63 Grand Edition มีขายเพียง 1,000 คันทั่วโลกแต่เมืองไทยขายเพียง 10 คัน หมดแล้วหมดเลยในราคา 23,400,000 บาท
