More

    MG ส่งรถใหม่ลุยเมืองไทยต้อนรับปีมังกรนำโดย MG4 Electric CKD

    นับตั้งแต่แบรนด์ MG เข้ามาทำตลาดเมืองไทยเมื่อปี 2013 จนปัจจุบันมีเหล่าประชากรโลดแล่นบนท้องถนนกว่า 2 แสนคันและยอดขายปี 2023 ทำได้ถึง 27,311 คัน

    MGมีสัดส่วนอย่างละครึ่งทั้งกลุ่มรถยนต์อีวีและรถยนต์สันดาป โดย MG5 ครองแชมป์ยอดขายสูงสุด จำนวน 6,419 คัน ตามด้วย MG4 ELECTRIC จำนวน 5,615 คัน MG EP จำนวน 4,717 คัน MG ZS จำนวน 2,534 คัน MG VS HEV จำนวน 2,071 คัน  MG ZS EV จำนวน 1,354 คัน MG HS และ MG HS PHEV จำนวน 1,373 คัน MG MAXUS 9 จำนวน 1,284 คัน MG ES และ MG EXTENDER จำนวนรวม 1,943 คัน และครองส่วนแบ่งทางการตลาด ประมาณ 4%

    สอดคล้องกับทาง SAIC Motor Corporation สร้างยอดขายที่เมืองจีนในปี 2023 รวมกว่า 5.02 ล้านคัน มีปริมาณยอดขายรถยนต์ New Energy มากกว่า 1.123 ล้านคัน และยังส่งออกไปทั่วโลกกว่า 1.208 ล้านคัน เติบโต 18.8% เมื่อเทียบกับปี 2022 รุ่นรถที่ส่งออกจากประเทศจีนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในหมวดรถยนต์นั่งมียอดส่งออกกว่า 201,874 คัน นั่นคือ MG ZS ตามมาด้วย MG4 ELECTRIC มียอดส่งออกกว่า 138,736 คัน และ MG5 มียอดส่งออกกว่า 109,431 คัน ส่งผลให้ SAIC ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ที่ส่งออกรถยนต์เป็นอันดับต้นๆ และยังคงรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งของกลุ่มบริษัทรถยนต์ในประเทศจีนต่อเนื่องเป็นปีที่ 18

    MGทางด้านกลยุทธ์การดำเนินงานของ MG ในปี 2024 หวังเป็นโกลบอลแบรนด์ที่ทะยานสู่การเป็นแบรนด์ติดอันดับท็อป 3 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ขยายฐานลูกค้าด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยนวัตกรรมยานยนต์ ดีไซน์ และความคุ้มค่า ควบคู่กับการบริการที่ถูกยกระดับในทุกมิติผ่านโชว์รูมและศูนย์บริการกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ พร้อมแผนเปิดโชว์รูมแยกขายเฉพาะรถอีวีหรือ MG EV Showroom ทั้ง MG MAXUS9 และโมเดลใหม่ๆที่เตรียมเข้ามาขาย

    เตรียมผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางเพื่อการส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆ  ในภูมิภาคอาเซียน ภูมิภาคอื่นๆและลงทุนสร้างและขยายพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK เพื่อผลิตแบตเตอรี่อีวีแห่งแรกในอาเซียน

    MG4 รถรุ่นใหม่ในปีมังกรนี้มาครบทั้งไฟฟ้าและสันดาปรวมกันถึง 6 รุ่นเริ่มที่รถกลุ่มอีวีอย่าง NEW MG4 ELECTRIC ผลิตในไทยจากนโยบายภาครัฐ EV 3.5 หวังสยบคู่แข่งตัวเอ้อย่าง BYD ด้วยราคาที่สามารถสู้ได้ ปรับหน้าตาภายนอกและภายในให้ดูมีสีสันกว่ารุ่นที่ขายในปัจจุบัน

    จับตาว่าขุมพลังจะปรับด้วยหรือไม่จากขุมพลังเดิม มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว Permanent Magnet Synchronous Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง 170 แรงม้าที่  6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,000-3,500 รอบต่อนาที จากความจุแบตเตอรี่ 51 kWh วิ่งไกลสุด 425 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC โดยจะเปิดตัวในช่วงเดือนมีนาคม

    MG4พร้อมเสริมทัพในตระกูล MG4 Electric ประกอบไทยกับ MG4 X Power แรงขึ้น 435 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร จากความจุแบตเตอรี่ 64 kWh ความจุแบตเตอรี่ที่ใช้งานจริง 61.8 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหน้าให้กำลัง 204 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหลังให้กำลัง 231 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด 2000 w พร้อมการตกแต่งสไตล์โหดไม่ว่าจะเป็น หลังคาดำกับตัวรถสีเขียว Racing Green ล้ออัลลอยเข้มสีดำทูโทนปัดเงาห้าก้านขนาด 18 นิ้วหุ้มยางแก้มเตี้ยจาก Bridgestone รุ่น TURANZA T005 EV พร้อมคาลิปเปอร์เบรก “XPOWER” สีส้ม โดยจะเปิดตัวพร้อมกับ MG4 Electric ประกอบไทย

    MGอีกหนึ่งรุ่นในตระกูล EV ที่เปิดรับจองในไทยมาตั้งแต่ปลายปี 2021 และเปิดจองอีกรอบเมื่อช่วงปีกลายพร้อมแล้วเปิดตัวช่วงกลางปีนี้กับ MG CYBERSTER สปอร์ตโรดสเตอร์ติดตั้งขุมพลังไฟฟ้าให้เลือกสองรูปแบบเริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลังรวมมากสุด 544 แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้าหน้าให้กำลัง 204 แรงม้าและมอเตอร์ไฟฟ้าหลังให้กำลัง 340 แรงม้า สามารถวิ่งไกลสุด 800 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาต่ำกว่า 3 วินาที

    มีรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวจากความจุแบตเตอรี่ 64 kWh ให้กำลังรวมมากสุด 314 แรงม้า ทั้งคู่ให้ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน lithium-ion battery ที่มีความจุแบตเตอรี่ 77 kWh

    MG3

    กลุ่มรถสันดาปทาง MG เผยรุ่นใหม่เจาะกลุ่มตลาดรถเก๋งขนาดเล็กแน่นอนว่าต้องเป็น NEW MG3 เจเนอเรชันใหม่เตรียมเปิดตัวในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่งาน Geneva Motor Show 2024 ท้าชนกับ Honda City Toyota Yaris หน้าตานำแรงบันดาลใจจาก MG4 Electric ด้วยช่องระบายอากาศดีไซน์เอกลักษณ์เฉพาะแบบ Digital Burning Grille

    ไฟหน้า LED ทรงเรียวเพรียวสปอร์ตโลโก้ MG อยู่ตรงชุดกระจังหน้าแบบทึบในชุดกันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟตัดหมอกหน้าทรงกลมด้านข้างเส้นสายดูกลมกลืนประณีตพร้อมดีไซน์หลังคารถที่ลาดลงตามยุคสมัย กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ที่เปิดประตูแบบดึงก้าน ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED ลงตัวด้วยกันชนหลังทรงสปอร์ตพร้อมสปอยเลอร์หลังทำให้นึกถึง Honda City Hatchback

    MG3พร้อมพลังเบนซินไฮบริด 1.5 ลิตรยกมาจาก MG VS ที่ขายในไทยกับรหัส 15S4C กำลังสูงถึง 109 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 95 แรงม้าที่ 12,000 รอบต่อนาที แรงบิด 200 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาดความจุแบต 2.1 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้าสูงสุด 177 แรงม้า โดยจะเปิดตัวช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้

    ต่อมาอีกสองรุ่นนั่นก็คือ MG ZS และ MG HS สองเอสยูวีเจเนอเรชันใหม่ปรับโฉมใหม่หมดและยังคงมาครบทุกขุมพลังตั้งแต่เบนซินล้วน เบนซินพ่วงไฮบริด ขุมพลังเสียบปลั๊ก และไฟฟ้าล้วน จับตาดูว่าสองรุ่นสุดท้ายนั้นจะเปิดตัวทันภายในปีนี้หรือไม่แฟนๆ MG ไม่ควรพลาด

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts