More

    Toyota Crown Series เผยหมดเก๋งใหญ่ตรามงกุฎทั้งซีดานและเอสยูวี

    หลังจากที่ปีกลาย Toyota Crown เจเนอเรชันที่ 16 เปิดตัวอย่างเป็นทางการและสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัวถึง สี่โมเดลในรอบ 68 ปี

    Toyota

    ประเดิมด้วย Toyota Crown Crossover แบบ Coupe SUV และเป็นการกลับมาทำตลาดที่สหรัฐอเมริกาอีกครั้ง แต่ยังเหลืออีกสามโมเดลที่ยังไม่เปิดเผยและล่าสุด Toyota เผยข้อมูลคร่าวๆของอีกสามโมเดลทั้งแบบ Sedan, และเอสยูวีอีกสองโมเดลทั้งแบบ Sport SUV และ Estate SUV ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ต่างกันแต่มีเอกลักษณ์พร้อมตรามงกฎที่ขอบฝากระโปรงหน้า

    พร้อมออปชันเด่นทั้งไฟหน้าเป็นแบบ LED 4 ดวง และ Bi-Beam LED ดวงเดียว กระจังหน้าขอบสีโครเมียมดำ พร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ในชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ต คิ้วขอบล้อสีดำ พร้อมล้ออัลลอยที่มีให้เลือกทั้งขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 225/60R18 ขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 225/45R19 และใหญ่สุด 21 นิ้ว พร้อมยาง 225/45R21 ด้านท้าย ติดตั้งไฟท้าย LED เส้นเดียวแนวยาวที่มีทั้ง ไฟเบรก ไฟท้ายหลัก ไฟเลี้ยว และไฟถอยในโคมเดียวกัน

    Toyota

    ภายใน หรูหรา ตั้งแต่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านตกแต่งโลโก้ตรามงกุฎสำหรับสเปกญี่ปุ่นและโลโก้สามห่วงสำหรับทั่วโลก พร้อมจอทัชสกรีนคู่ 12.3 นิ้ว ที่มีทั้งมาตรวัดดิจิตอลและจอสัมผัสควบคุมระบบบันเทิงและการเชื่อมต่อในชุดจอเดียวกัน เชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlayไร้สาย Android Auto พร้อมลำโพง 6,10 และมากถึง 11  จุด จาก JBL เครื่องปรับอากาศแยกส่วน 3 จุดทั้งด้านหน้าซ้ายขวา และด้านหลังหนึ่งจุด

    ขุมพลังมีให้เลือกทั้ง Dynamic Force Hybrid เบนซิน 2.5 ลิตร A25A-FXS ให้กำลังถึง 186 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตรที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที จากเครื่องยนต์ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า-หลังแบบ 3NM และ 5NM และแบตเตอรี่ Hybrid แบบ Nickel-Metal โดยมอเตอร์ด้านหน้าให้กำลังถึง 88 แรงม้า แรงบิด 202 นิวตันเมตร และมอเตอร์หลัง 40 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ามากถึง 249 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD E-Four Advanced จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT เลือกได้สี่โหมดสำหรับการขับขี่ EV, Normal, Eco และ Sport

    Toyota

    เบนซิน Dynamic Force PHEV ขนาด 2.5 ลิตร รหัส A25A-FXS ให้กำลังถึง 182 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 227 นิวตันเมตร ที่ 3,200-3,700 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังมากถึง 182 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร สำหรับล้อหน้า และล้อหลังให้กำลัง 54 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตร และความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 18.1 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวม 304 แรงม้า

    วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า EV ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 85 กม. ตามมาตรฐาน NEDC โดยชาร์จกระแสสลับ AC แบบ Type 2 รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 6.6 kW ใช้เวลาเพียง 2.30 ชม. คู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT พร้อม Sequential Shift พร้อมโหมดการขับขี่ถึงสี่โหมดได้แก่ EV,EV/HEV,HEV และขาร์จแบตเตอรี่ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ e-Four มอเตอร์ไฟฟ้าแบบติดตั้งด้านหลังด้วยกำลังขับจากมอเตอร์กำลังสูง

    เบนซินเทอร์โบ Hybrid รหัส T24A-FTS 2.4 ลิตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ โดยให้กำลัง 272 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 460 นิวตันเมตร ที่2,000-3,000 รอบ/นาที โดยมอเตอร์ไฟฟ้า 1ZM 61 แรงม้า แรงบิด 292 นิวตันเมตร และล้อหลัง 1YM 59 แรงม้า แรงบิด 169 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้าสูงถึง 350 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติDirect Shift  6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four Advanced AWD

    Toyota

    และเบนซินล้วน Dynamic Force Engine 2.4 ลิตร เทอร์โบ T24A-FTS 269 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 420 นิวตันเมตรที่ 1,700-6,300 รอบ/นาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แบบ Direct Shift ขับเคลื่อนสองล้อหน้า และมีขุมพลัง FCEV มาด้วยจาก Toyota Mirai ขุมพลังเดิมด้วยระบบไฟฟ้า เติมไฮโดรเจน ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent magnet synchronous motor รุ่น 4JM ให้กำลังมากถึง 182 แรงม้าที่ 6,940 รอบ/นาที แรงบิด 300 นิวตันเมตรที่0-3,267 รอบ/นาที พร้อมแบตเตอรี่แบบ lithium-ion ขนาดเล็กลงเพียง 1.2 kWh คู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed  ผนวกกับถังไฮโดรเจน 3 ถังใต้ท้องรถที่มีความจุถังทั้งหมด 141 ลิตร ความเร็วสูงสุด 175 กม./ชม. ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 9.4 วินาที แถมวิ่งไกลสุดต่อการเติมหนึ่งครั้งเพียง 750-850 กม. โดยเติมหนึ่งครั้งเพียง 3-5 นาที

    สำหรับ Toyota Crown ทั้งแบบ Sedan, Sport SUV และ Estate SUV จะทยอยเปิดตัวที่ญี่ปุ่นภายในปีนี้และปีหน้าเริ่มที่รุ่น Sport SUV รุ่น Hybrid กับ Sedan เปิดตัวช่วงเดือนกันยายน รุ่น Sport SUV รุ่น Plug In Hybrid เปิดตัวช่วงเดือนธันวาคมนี้ และรุ่น Estate SUV เปิดตัวปีหน้าโดยส่งออกไปยัง 40 ประเทศ

    ที่มา Motor 1

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts