MG พร้อมลุยตลาดโลกเต็มรูปแบบส่งรถในสังกัดเปิดตัวใหม่ตอบโจทย์ลูกค้าไม่ว่าจะเป็นรุ่นเครื่องสันดาปและไฟฟ้าล้วนรวมถึง MG4 Electric รุ่นปรับโฉม
โดยทาง AUTOCAR สื่อรถยนต์จากอังกฤษได้สัมภาษณ์กับนาย Lu Jiajun ผู้จัดการทั่วไปหน่วยธุรกิจ MG ของกลุ่ม SAIC Motor ว่าตลอดปี 2024 เราจะเปิดตัวรถใหม่ในตลาดโลกทั้งรุ่นจำหน่ายในปัจจุบันและโมเดลใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกจะเปิดตัวรุ่นรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงครึ่งปีหลังทั้ง MG3 เจนใหม่ กับ MG ZS เจนใหม่ ส่วนรุ่นที่จำหน่ายในปัจจุบันจะเปิดตัวรุ่นปรับโฉมทั้ง MG5 Estate (บอดี้เดียวกับ MG EP กับ MG ES เวอร์ชันไทย) และ MG7 เก๋งใหญ่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและรู้จักในวงกว้าง
ไฮไลต์สำคัญกับการปรับโฉมครั้งแรกของ MG4 Electric เพื่อสยบคู่แข่งตัวเอ้อย่าง BYD ที่ไปได้สวยในตลาดต่างประเทศด้วยราคาที่สามารถสู้ได้ ปรับหน้าตาภายนอกและภายในให้ดูมีสีสันกว่ารุ่นที่ขายในปัจจุบันและจับตาว่าขุมพลังจะปรับด้วยหรือไม่ทั้งแบตเตอรี่ในรูปแบบ CELL TO PACK ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง RUBIK’s CUBE BATTERY ซึ่งจัดเรียงเซลล์ในแนวนอนเริ่มที่รุ่น Standard Range 51 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวให้กำลังมากถึง 170 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,000-3,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.7 วินาที วิ่งไกลสุด 350 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP
ตามมาด้วยรุ่น Long Range มาพร้อมความจุแบตที่ใหญ่กว่า 64 kWh ให้กำลัง 204 แรงม้าที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,000-3,500 รอบต่อนาที วิ่งไกลสุด 450 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.2 วินาที รุ่น Super Long Range ความจุแบต แรงม้า แรงบิดและอัตราเร่งเท่ากับรุ่น Long Range แต่วิ่งไกลสุด 435 กิโลเมตรต่อชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.2 วินาที และรุ่น Performance มาพร้อมความจุแบตที่ใหญ่กว่า 77 kWh ให้กำลัง 245 แรงม้าที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ 1,000-3,500 รอบต่อนาที วิ่งไกลสุด 530 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.5 วินาที ทุกขุมพลังจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction ขับเคลื่อนล้อหลังและทำความเร็วสูงสุด 160 และ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในรุ่น Performance
และรุ่นแรง MG4 X-Power แรงขึ้น 435 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร จากความจุแบตเตอรี่ 64 kWh ความจุแบตเตอรี่ที่ใช้งานจริง 61.8 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหน้าให้กำลัง 204 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหลังให้กำลัง 231 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทุกรุ่นรองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด 2000w
นอกจากรุ่น Model Year และรุ่นปรับโฉมของ MG4 Electric MG5 และ MG7 แล้ว ก็จะเปิดตัวเอสยูวีไฟฟ้าเรือธงรุ่นใหม่มาแทน MG Marvel R จากพื้นฐาน Modular Scalable ของ SAIC ที่รองรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่และชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 150 kWh สำหรับตลาดพวงมาลัยขวาประเดิมขายที่อังกฤษในปี 2025 และออสเตรเลียจะเป็นรายต่อไป ด้านนาย Lu Jiajun ยังกล่าวเสริมว่าสำหรับตลาดรถยนต์เครื่องสันดาปทาง MG ยังไม่คิดที่จะเลิกขายถึงทั่วโลกมีความต้องการบวกกับความชื่นชอบของลูกค้าและยังให้ความสำคัญไม่แพ้กลุ่มตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่โตวันโตคืน
ที่มา Carscoops
ภาพประกอบ MG4 Electric 2023