ความเคลื่อนไหวของ Mazda CX-5 เจเนอเรชันที่ 3 มีมาให้เห็นหลังจากศิลปินอิสระออกแบบภาพเรนเดอร์ซึ่งแน่นอนว่าอาจแตกต่างจากทางมาสด้าออกแบบเอง
แม้จะได้ไปต่อในตลาดรถเอสยูวีและล่าสุดทาง Mazda ประกาศออกมาแล้วว่าเตรียมที่จะเปิดตัว Mazda CX-5 เจนใหม่ออกสู่ตลาดโลกในปี 2025
แน่นอนว่าขุมพลังใหม่ที่จะมาประจำการนั้นเป็น Hybrid โดยอาจเป็นขุมพลังที่ Mazda พัฒนาเองนั่นคือ ขุมพลัง Mild Hybrid SKYACTIV-X ขนาด 2.0 ลิตร 180 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 224 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที พร้อม Mild Hybrid 48 V มีมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 6.5 แรงม้าที่ 1,000 รอบต่อนาทีแรงบิด 61 นิวตันเมตรที่ 100 รอบต่อนาที พร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดเล็กสุด จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv-Drive 6 สปีด
นอกจากนี้ยังมีขุมพลังดั้งเดิม SKYACTIV-G Turbo 2.5 ลิตร รหัส PY-VPTS โดยให้กำลังสูงสุด 231 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 420 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ดีเซลเทอร์โบ SKYACTIV-D มีระบบเทอร์โบแปรผันแบบ 2 ชั้นในรหัส SH-VPTS ขนาด 2.2 ลิตร 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 450 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที
เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร รหัส PE-VPS 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 210 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาทีและเบนซิน SKYACTIV-G 2.5 ลิตร รหัส PY-RPS 190 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 252 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที
ทั้งสี่ขุมพลังพัฒนาให้การตอบสนองที่รวดเร็วกว่าทุกรอบความเร็ว ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นโดยทุกขนาดความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv-Drive 6 สปีด พร้อมระบบโหมดการขับขี่ Mazda Intelligent Drive Select (Mi-Drive) เพิ่มโหมด OFFROAD ยังคงเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือก
ด้านหน้าตายังมีความเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่กระจังหน้าทรง Signature Wing ปีกซ้าย-ขวาของกรอบสั้นลงโดยตัวกรอบกระจังหน้าแบบโครเมียมออกแบบไส้ในของชุดกระจังหน้าใหม่ให้หลากหลายทั้งลายรังผึ้งสีดำตาข่ายแนวนอนและตาข่ายแนวตั้ง ไฟหน้า LED คู่ dual-beam LED พร้อมไฟ DRL LED รูปตัวแอลแนวนอน รับกับกันชนหน้ารูปตัววีแนวยาว พร้อมการ์ดเสริมสีเงินใต้กันชนหน้า คิ้วขอบล้อสีดำพร้อมล้ออัลลอยสีเงินลายเท่ กระจกมองข้างทรงสปูน และไฟท้าย LED เป็นต้น
ภายในทันสมัยด้วยการยกออปชันจากรุ่นพี่ทั้งมาตรวัดดิจิทัล TFT-LCD 12.3 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมระบบ Mazda Connect infotainment รองรับ Apple Car Play ไร้สาย และ Android Auto ผ่านปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander พร้อมลำโพงคุณภาพ BOSE จอแสดงการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า Windshield Active Driving Display ขนาดใหญ่กว่าถึง 3 เท่า ด้านการเปิดตัวจะพบกันในช่วงปี 2025 คาดจะเป็นช่วงเดือนธันวาคม
ที่มา Car Repo
