หลังจากเปิดตัวและเปิดรับจองที่งาน Motor Show 2024 สำหรับ BYD SEAL U DM-i เอสยูวีรุ่นแรกของค่าย BYD ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด
ล่าสุดโลกโซเชียล มีการเผยภาพ BYD SEAL U DM-i SUV หนึ่งในตระกูล OCEAN วิ่งทดสอบติดป้าย TC (ป้ายรถทดสอบก่อนผลิต) บนทางด่วนย่านอโศก
ด้วยหน้าตาคล้ายเวอร์ชันไฟฟ้าแต่มีจุดต่างตรงที่ชุดกันชนหน้าขึ้นรูปชิ้นเดียว มีช่องระบายอากาศแนวนอนสามชั้นตรงกลางของชุดกันชนหน้า ประกบคิ้วสีเงินสองเส้นซ้าย-ขวาบนมุมกันชน กระจังหน้าแบบไร้ขอบโค้งมนคล้ายหยดน้ำ พร้อมไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL LED ใต้ชุดไฟหน้าแบบรูปตัวซี ภายใต้คอนเซ็ปต์ OCEAN X กระจกแบบโอเปร่าดีไซน์หรูหราดุจรถยุโรป เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถไปจนแนวตัวถังด้านข้าง
ภายนอก Exterior
ไฟท้าย LED ที่วางแบบเต็มท้ายรถ ติดตั้งดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมไฟถอยหลังใต้กันชนและไฟทับทิมซ้าย-ขวา มีคำว่า BํYD บนฝาท้ายรถ หลังคารถพาโนรามิกซันรูฟ ล้อสีทูโทนดีไซน์เอกลักษณ์ ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R19 ตัวรถมาในร่างเอสยูวีไซซ์ใหญ่ D-Segment ตั้งแต่ความยาว 4,775 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,890 มิลลิเมตร ความสูง 1,670 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,765 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,940 กิโลกรัม ระยะต่ำสุดจากพื้น 155 มิลลิเมตร และความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร
ภายใน Interior
ปรับโทนสีภายในเป็นสีดำล้วน เน้นความล้ำสมัยพร้อมออปชันดังนี้ จอกลางแบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้วสามารถหมุนจอได้ ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน มาตรวัดความเร็ว 8.8 นิ้ว เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งแถวหลังแบ่งพับ 60:40 เพื่อขยายพื้นที่ในการขนสัมภาระมากถึง 1,449 ลิตร กรณีพับเบาะและมีพื้นที่ถึง 574 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ
เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจ NFC พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัดสามก้าน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย 2 จุด หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส ช่องเก็บของหลายจุด มาพร้อมที่วางแก้วขนาดใหญ่ 2 จุด พอร์ตชาร์จ USB Type C 2 จุด และ Type A 2 จุด
สมรรถนะ Performance
ยกระดับสมรรถนะการขับขี่ด้วยขุมพลังเบนซิน Plug In Hybrid ขนาด 1.5 ลิตร รหัส BYD472ZQA ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent magnet synchronous motor แบบมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 197 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าถึง 317 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 435 นิวตันเมตร จากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 18.3 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 92 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC วิ่งไกลสุดทำงานร่วมกับเครื่องยนต์และไฟฟ้าสูงสุด 1,100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.5 วินาที
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO, Normal, Sport, HEV และ EV รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 3.3 และ 7 kW และการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 18 kW มีระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking)
หัวชาร์จแบบ Type 2/CCS Combo ยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ พร้อมระบบกันสะเทือนแบบ MacPherson Strut เสริมความนุ่มนวลและการยึดเกาะถนน และระบบกันสะเทือนแบบ Multi-Link ยกระดับความนุ่มนวลและความสบายระหว่างการเดินทางเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกให้ห้องโดยสารเงียบสงบตลอดเส้นทาง
เทคโนโลยีความปลอดภัย Safety
ขับเคลื่อนโดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) ที่มาอย่างครบครันออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงได้แก่
- ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and Go
- ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
- ช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS)
- ช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW with RCW)
- ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
- ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA, RCTB)
- ช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP)
- ช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA)
- ช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW)
- ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (Follow Me Home)
ความปลอดภัยพื้นฐาน
- ถุงลมนิรภัยรอบคัน
- ตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS)
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
- เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ เบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
- ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC)
- ป้องกันการลื่นไถล (TCS)
- ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD)
- ควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC)
- และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา
BYD SEAL U DM-i ขายจริงและส่งมอบช่วงปลายปี 2024 (ไตรมาสสี่) พร้อมเปิดรับจองสิทธิ์ RÊVER Care รับสิทธิประโยชน์ส่วนลดมูลค่ารวมกว่า 50,000 บาท มาพร้อม 3 สี Quantum Black, Graphite Grey และ Horizon White 2 รุ่นย่อยทั้งรุ่น Dynamic และ Premium
ที่มาภาพ Nithis Dechkate