เครื่องยนต์ ในรถยนต์ที่คุณขับ คุณอาจจะทราบว่าต้องเติมน้ำมันอะไร เบนซินหรือดีเซล แต่คุณจะทราบไหมว่าแล้วที่ต้องเติมต่างกันนี่มันเป็นเพราะอะไร ? วันนี้ Car2Day มีคำตอบครับ !
เครื่องยนต์ เบนซินและดีเซลมีข้อแตกต่างดังนี้
การทำงานของเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ เบนซิน
ใช้หัวเทียนในการจุดระเบิดของเชื้อเพลิงผสมเบนซินกับอากาศก่อนเข้าสู่กระบอกสูบเพื่อจุดระเบิด
เครื่องยนต์ ดีเซล
ใช้การอัดอากาศให้เกิดความร้อนสูงพอที่จะจุดระเบิดเชื้อเพลิงฉีดดีเซลเข้าไปในกระบอกสูบหลังจากอัดอากาศ
ส่วนประกอบทางเคมี
เบนซิน
- ประกอบด้วยสารไฮโดรคาร์บอนที่มีโซ่คาร์บอนสั้น (C4-C12)
- เป็นเชื้อเพลิงที่มีลักษณะเบา ระเหยง่าย และมีค่าความร้อนสูง
ดีเซล
- ประกอบด้วยไฮโดรคาร์บอนที่มีโซ่คาร์บอนยาว (C10-C20)
- เป็นเชื้อเพลิงที่มีความหนาแน่นสูงกว่าเบนซินและให้พลังงานมากกว่า
สมรรถนะและการใช้งาน
เบนซิน
- เหมาะสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล เช่น รถเก๋ง หรือรถที่ต้องการสมรรถนะสูง
- รอบเครื่องยนต์สูง ตอบสนองการขับขี่ที่รวดเร็ว
- เสียงเครื่องยนต์เงียบกว่า
ดีเซล
- เหมาะสำหรับรถบรรทุก รถ SUV รถกระบะ และรถที่ต้องการแรงบิดสูง
- ประหยัดน้ำมันมากกว่าในระยะทางไกล
- ทนทานต่อการใช้งานหนัก
ราคาและอัตราการสิ้นเปลือง
เบนซิน
- ราคาสูงกว่าดีเซลในบางประเทศ เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนกว่า
- มีการเผาไหม้เร็วกว่า ส่งผลให้สิ้นเปลืองน้ำมันในรอบเครื่องยนต์สูง
ดีเซล
- ประหยัดน้ำมันมากกว่า เนื่องจากมีค่าพลังงานต่อหน่วยที่สูงกว่า
- การเผาไหม้เชื้อเพลิงช้ากว่า ทำให้เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล
อายุการใช้งานของเครื่องยนต์
เบนซิน
- การดูแลรักษาง่ายกว่า แต่การสึกหรออาจเร็วกว่าเมื่อใช้งานหนัก
- ไม่เหมาะสำหรับการบรรทุกหนักหรือการทำงานต่อเนื่องระยะยาว
ดีเซล
- เครื่องยนต์ทนทานและอายุการใช้งานยาวนานกว่า
- ต้องการการบำรุงรักษาในระบบหัวฉีดเชื้อเพลิง (Fuel Injector) และเทอร์โบ
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เบนซิน
- ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และสารมลพิษในระดับต่ำกว่า
- แต่ผลิตไฮโดรคาร์บอนที่ไม่เผาไหม้สมบูรณ์และก๊าซพิษเช่น NOx
ดีเซล
- ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2) น้อยกว่าเบนซิน แต่ปล่อยเขม่าควันและ NOx สูงกว่า
- มีปัญหาเรื่อง PM2.5 และเขม่าดำจากการเผาไหม้
บทความที่คล้ายๆกัน