จากเดิมที่ Toyota Century SUV ก็ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหราอลังการไม่แพ้รถยนต์ระดับราชวงศ์อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ได้ยกระดับไปอีกขั้น ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเป็นมาตรฐาน นั่นคือ กระจกบานหลังปรับลดแสงได้ (Dimming Rear Glass)! ฟังดูอาจไม่ใช่การอัปเดตที่ปฏิวัติวงการ แต่สำหรับรถที่หรูหราถึงขีดสุดแบบนี้ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็สำคัญ
Toyota Century 2025 ฟีเจอร์ใหม่: กระจกหลังอัจฉริยะ ปรับได้ 3 ระดับ
การอัปเดตหลัก ๆ คือฟังก์ชันกระจกปรับลดแสงได้ 3 ระดับ สำหรับกระจกประตูหลังและกระจกโอเปร่าหลัง ที่สามารถเปลี่ยนจาก ใสปกติ (Clear) เป็น กึ่งโปร่งแสง (Semi-transparent) และ ทึบแสงสนิท (Fully opaque) ได้ตามต้องการ Toyota ทำได้โดยการใส่ฟิล์มพิเศษคั่นกลางระหว่างกระจกสองชั้นแบบลามิเนตใสทั้งสองด้านของตัวรถ แต่สำหรับหลังคาพาโนรามานั้นยังคงใช้ม่านบังแดดไฟฟ้าแบบเดิม
สร้างมาเพื่อผู้โดยสารตอนหลังโดยเฉพาะ
เป้าหมายของ Toyota ในการเพิ่มฟีเจอร์กระจกปรับลดแสงได้นี้ คือการ เพิ่มความเป็นส่วนตัวสูงสุด ให้กับผู้โดยสารตอนหลัง โดยที่ยังคงรับแสงธรรมชาติที่นุ่มนวลเข้ามาในห้องโดยสารได้ ในโหมดทึบแสง บรรยากาศภายในจะให้ความรู้สึกเหมือนห้องสไตล์ญี่ปุ่นเลยทีเดียว
แน่นอนว่า Century SUV ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นรถสำหรับผู้บริหารที่มีคนขับโดยเฉพาะ เน้นความสำคัญไปที่ส่วนหลังของห้องโดยสารเป็นหลัก เรากำลังพูดถึงบันไดข้างแบบไฟฟ้าพับเก็บได้, ประตูหลังที่เปิดได้กว้างเป็นพิเศษ, มือจับช่วยขึ้น-ลง, ไฟ Ambient Light, โต๊ะพับได้, พื้นผิวที่เคลือบสารต้านแบคทีเรีย, ตะขอแขวนเสื้อโค้ท และแม้กระทั่ง ที่เก็บช้อนรองเท้า! ใช่แล้ว คุณอ่านไม่ผิด ที่เก็บช้อนรองเท้า!
ยังไม่เชื่อใช่ไหม? เบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับเอนได้เกือบราบเรียบ พร้อมที่พักเท้าที่กางออกได้เต็มที่ เหมาะสำหรับการงีบหลับสั้นๆ ระหว่างการเดินทาง หรือแกล้งทำเป็นประชุม (ฮา) ผู้โดยสารตอนหลังยังมีแผงควบคุมส่วนตัว และระบบความบันเทิงเฉพาะบุคคลพร้อมจอแสดงผลแยกอิสระ ทั้งหมดนี้เชื่อมต่อกับระบบเครื่องเสียงพรีเมียม 18 ลำโพง เพื่อให้เพลย์ลิสต์ของคุณสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น
Toyota Century 2025 ยังคงสดใหม่ และปรับแต่งได้ไม่จำกัด
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ภายนอกหรือภายในของ Century SUV ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายน 2023 ซึ่งยังคงดูสดใหม่อยู่เสมอ ด้วยความยาวถึง 5,205 มม. ทำให้หลายคนยกให้เป็น Rolls-Royce Cullinan แห่งญี่ปุ่น และด้วยตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลาย รวมถึงการสร้างแบบ Bespoke (สั่งทำพิเศษทั้งหมด) ก็ยิ่งทำให้การเปรียบเทียบนี้สมเหตุสมผล
ในส่วนของขุมพลังใช้เครื่องยนต์ V6 Plug-in Hybrid ขนาด 3.5 ลิตร ให้กำลังรวม 406 แรงม้า (303 kW / 412 PS) ส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ผ่านระบบ E-Four Advanced AWD แบตเตอรี่ให้ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ 69 กม. และโตโยต้ายังยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะมี Century SUV ในเวอร์ชัน Gazoo Racing พร้อมการปรับปรุงสมรรถนะจากแผนกมอเตอร์สปอร์ตของพวกเขา
ราคาที่สูงขึ้น แต่ก็ยังหายาก!
ฟีเจอร์กระจกปรับลดแสงได้ใหม่นี้ทำให้ราคาเริ่มต้นเพิ่มขึ้น 2 ล้านเยน ทำให้ราคารวมเริ่มต้นอยู่ที่ 27 ล้านเยน หรือประมาณ 6.08 ล้านเยน อย่างไรก็ตาม ราคาที่เพิ่มขึ้นนี้อาจไม่สำคัญสำหรับคนส่วนใหญ่ เพราะรถคันนี้ยังคงมีจำนวนจำกัดมากๆ รับคำสั่งซื้อเฉพาะที่ตัวแทนจำหน่าย Toyota บางแห่งในญี่ปุ่นเท่านั้น และส่วนใหญ่จะเสนอให้กับเจ้าของ Century Sedan เดิมเป็นหลัก
แน่นอนว่า Toyota ไม่ใช่รายแรกที่นำกระจกปรับลดแสงมาใช้ในรถยนต์โปรดักชั่นแบรนด์อย่าง Maybach, Mercedes และ McLaren ต่างก็ใช้เทคโนโลยี Smart Glass ในหลังคาและกระจกข้างของรถรุ่นไฮเอนด์อยู่แล้ว แม้แต่ Nissan ก็ยังกระโดดเข้าร่วมวงด้วยการเพิ่มตัวเลือกหลังคา Electrochromic ใน Leaf รุ่นล่าสุดด้วย
Source: Carscoops
