อเมริกาในฐานะประเทศแรกของโลกที่เปิดตัวที่สุดเอสยูวียอดนิยมอย่าง Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 6 อย่างเป็นทางการจนสาวกอยากเป็นเจ้าของเสียที
ล่าสุด Honda อเมริกา ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการโดยจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 7 รุ่นย่อยภายนอกไม่ต้องพูดถึงโชว์หล่อตั้งแต่ชุดไฟหน้า LED สุดเฉียบพร้อมไฟ LED Daytime ในตัว ไฟท้าย LED ออกแบบแนวยาว โลโก้ H อยู่บนไฟท้ายและป้ายทะเบียนอยู่ใต้โลโก้เช่นเดิมและกระจังหน้าดีไซน์พิมพ์นิยม ล้ออัลลอยลายใหม่ที่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/60R18 และขนาดใหญ่ 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/55R19 มีราวหลังคา หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี พร้อมตัวรถที่ใหญ่ขึ้นตั้งแต่ความยาว 4,703 มม. ความกว้าง 1,886 มม. ความสูง 1,680 มม. และฐานล้อ 2,701 มม.
ภายในสปอร์ตด้วยชุดแผงคอนโซลหน้าที่ดีไซน์ผสมผสานระหว่าง Honda Civic FE กับ Honda ZR-V โดยเฉพาะดีไซน์ช่องแอร์แนวยาวดีไซน์รังผึ้งอันเป็นเอกลักษณ์รวมถึงมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด ทั้งแบบ 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 กับ 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch เชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ลำโพง BOSE 12 จุด เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา คอนโซลเกียร์ดีไซน์เด่นด้วยขอบสีเงินพร้อมหัวเกียร์และถุงเกียร์หุ้มหนังเดินด้ายสีแดง มีเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold และโหมดการขับขี่ให้เลือกและแน่นอนว่ายังมีให้เลือกทั้งแบบ 5 กับ 7 ที่นั่ง
สเปกอเมริกามาพร้อมพลัง e:HEV Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ด้วยเบนซิน 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC รหัส LFA1 145 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิด 175 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว ให้กำลัง 184 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 315 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบ/นาที และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน กำลังรวมสูงสุดเมื่อทำงานร่วมกันได้ 207 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) ทั้งคู่เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD และเบนซินเทอร์โบ Di VTEC TURBO 1.5 ลิตร L15BE 193 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 240 นิวตันเมตรที่ 1,700-5,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT
พร้อมความปลอดภัย Honda Sensing ที่มีกล้องรอบคันสามารถมองมุมกว้าง 90 องศา และสัญญาณคลื่นรดาห์ 120 องศา รวมถึงฟังก์ชันต่างๆทั้ง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ขณะรถติด Traffic Jam Assist, เบรกทั้งด้านหน้าและหลัง และอ่านป้ายจราจร Low-Speed Braking Control with Traffic Sign Recognition, ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อม ปรับความเร็วตามคันหน้า Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow, ช่วยรักษาช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist, และเตือนมุมอับสายตา Blind sport information
Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 6 มีให้เลือกสี่เกรดความหรูตั้งแต่รุ่น EX, Sport, EX-L และ Sport Touring ในราคาเริ่มต้น $32,355-$39,845 หรือราว 1,186,000-1,459,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย แต่ถ้าเข้ามาขายในไทยราคารวมภาษีนำเข้าจะอยู่ที่ 2,224,000-2,736,000 บาทส่วนเมืองไทยอาจพบกันเร็วสุดปลายปีนี้ทันงาน Motor Expo 2022 และยังจะเป็นประเทศต้นๆที่เปิดตัวต่อจากอเมริกา
ที่มา Carscoops