ทำตลาดมาเกือบ 4 ปี จนฮิตนิยมกันมากขึ้นสำหรับ BMW X7 พี่ใหญ่เอสยูวีจากค่ายตราใบพัดฟ้าขาวโดดแด่นกว่ากับห้องโดยสารใหญ่ 3 แถว
ล่าสุด BMW เปิดตัวหน้าใหม่ปรับโฉมครั้งแรกในรอบเกือบ 4 ปี ในร่างเดิม G07 งานนี้ถูกใจสาวกเป็นแน่แท้ เพราะหล่อออกไปในแนวนตี๋ๆตาตี่ เริ่มที่ กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่มีไฟเรืองแสงมาให้ชุดกระจังหน้า พร้อมไฟหน้าออกแบบ 2 ชั้น ส่วนบนจะเป็นไฟ LED Daytime พร้อมเส้นแนวนอนคั่นกลางไว้ถัดลงมาเป็นไฟหน้า Matrix LED ดีไซน์เพรียวลงกว่าเดิมในชุดกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ออกแบบช่องระบายอากาศให้ลงตัวด้วยขอบสีเงินรูปตัว U และลาขาดกับไฟตัดหมอกหน้า LED ด้านข้างเพิ่มคิ้วสีเงินลากยาวตั้งแต่บังโคลนซ้าย-ขวายาวไปจนถึงประตู ล้ออัลลอยลายใหม่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยาง 285/45R21 ขนาด 22 นิ้ว พร้อมยาง 275/40 R22 สำหรับล้อหน้าและ 315/35 R22 สำหรับล้อหลัง และขนาด 23 นิ้วพร้อมยาง 275/35 R23 สำหรับล้อหน้าและ 315/30 R23 สำหรับล้อหลัง ราวหลังคาดีไซน์เดิม ด้านท้ายคงรุ่นเดิมแต่ปรับในส่วนไฟท้าย LED ออกแบบใหม่เล่นกัดลายสวยดูดีแบบ 3 มิติ พร้อมกันชนหลังออกแบบใหม่พร้อมการ์ดเสริมใต้กันชนหลัง
ภายในออกแบบใหม่หมดดีไซน์จอลอยตัวขนาดใหญ่ที่รวมเอาจอมาตรวัดและจอสัมผัสอยู่ในชุดเดียวกัน โดยมาตรวัดดิจิทัลมาขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วและจอสัมผัส 14.9 นิ้ว โดยจอชุดนี้เรียกว่า BMW Curved Display พร้อมระบบปฎิบัติการ BMW Operating System 8 หรือ iDrive 8 ควบคุม รองรับการทำงานการเชื่อมต่อที่ง่ายและรวดเร็วขึ้น ช่องแอร์ใหม่ดีไซน์เรียวขึ้นในส่วนคอนโซลกลาง รวมถึงปุ่มการใช้งานที่ลดจำนวนลงเพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น ชุดคอนโซลเกียร์งานนี้จะไม่เห็นคันเกียร์อีกต่อไป จะเป็นแบบปุ่มบิดไปมา ดีไซน์คริสตัล พร้อมไฟ Ambient Light ออกแบบใหม่ พร้อมไฟโลโก้ X7 ถัดจากช่องแอร์คอนโซลกลาง พร้อมเบาะนั่งหนังแท้ใหม่ Merino แบบ 3 ตอน 6 หรือ 7 ที่นั่ง พร้อมหลังคาแบบ Panorama glass roof Sky Lounge เพิ่มความโปร่งอย่างโอ่อ่าเหนือระดับ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 5 โซน ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมีปริมาตรความจุ 750 ลิตร และเพิ่มได้สูงสุดถึง 1,050 ลิตร เมื่อพับเบาะแถว 3 และแถว 2 ตามลำดับ
ขุมพลังมีให้เลือกหลากหลายจากตระกูล TwinPower Turbo ตั้งแต่ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 6 สูบ 3.0 ลิตร รหัส B57D30T2 ส่งพละกำลังสูงสุด 340 แรงม้าที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,250 รอบต่อนาที พร้อมโลดแล่นสู่ความเร็วสูงสุดที่ 243 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที ในรุ่น X7 xDrive 40d
พร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 6 สูบ 3.0 ลิตร รหัส B58B30M1 ส่งพละกำลังสูงสุด 380แรงม้าที่ 5,500-6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตรที่ 1,500-5,200 รอบต่อนาที ในรุ่น X7 xDrive 40i และใหญ่สุดเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ใหม่ 4.4 ลิตร V8 รหัส S68 ส่งพละกำลังสูงสุด 530 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตรที่ 1,800-4,600 รอบต่อนาที ในรุ่น X7 M60i
ทุกรุ่นมาพร้อมเทคโนโลยี Mild Hybrid (MHEV) ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ จะใช้การทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟขนาด 48 โวลต์ ช่วยเสริมพละกำลังการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นอีกถึง 12 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร ส่งแรงทันใจโดยเฉพาะในช่วงออกตัวและจังหวะเร่ง สามารถลดไนโตรเจนออกไซด์ในไอเสียด้วยสาร AdBlue จึงสามารถมอบประสบการณ์การขับขี่เร็วแรงทันใจและลดการปล่อยมลพิษได้ดีในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ทุกรุ่นสอดประสานกับเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ ช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับระดับอัตโนมัติ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive จึงมอบความนุ่มสบายเหนือระดับ การควบคุมที่เฉียบคม และความปราดเปรียวอันทรงพลัง
BMW X7 Facelift หรือ LCI พร้อมขายจริงทั่วโลกคาดว่าช่วงสิงหาคมนี้ ส่วนเมืองไทยอาจได้พบกันช่วงปลายปีหรือต้นปี 2023 เพราะพึ่งจะแนะนำรุ่น X7 xDrive 40d Diesel MHEV ในราคา 6,199,00 บาท