เคลือบแก้วรถยนต์ (Glass Coating) เป็นอีกหนึ่งบริการที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน หลายคนอาจสงสัยว่าการเคลือบแก้วรถยนต์นั้นดีจริงหรือ? คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไปหรือไม่? วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจและพาคุณไปเจาะลึกถึงข้อดี ข้อเสีย และปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเคลือบแก้วรถยนต์ของคุณ
เคลือบแก้วรถยนต์ คืออะไร?
การเคลือบแก้วรถยนต์ คือ กระบวนการเคลือบผิวรถด้วยสารเคลือบที่มีส่วนผสมหลักเป็นซิลิกา(Silica) ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีความแข็งแรงสูง ทำหน้าที่สร้างชั้นป้องกันบนผิวรถ ช่วยให้สีรถดูเงางาม ป้องกันรอยขีดข่วนจากสิ่งสกปรก และช่วยให้ทำความสะอาดรถได้ง่ายขึ้น
ข้อดี – เคลือบแก้วรถยนต์
ช่วยป้องกันสีรถจากรังสียูวี ฝุ่นละออง สารเคมี และความร้อน ทำให้สีรถคงความสดใสได้นานขึ้น
ทำให้สีรถดูเงางาม มีมิติ และดูใหม่เสมอ
ช่วยลดรอยขีดข่วนเล็กน้อยจากสิ่งสกปรกหรือรอยขนแมวต่าง ๆ ได้
ทำความสะอาดง่าย เนื่องจากสิ่งสกปรกและคราบน้ำฝนเกาะตัวน้อยลง ทำให้การล้างรถทำได้ง่ายขึ้น
การเคลือบแก้วหนึ่งครั้งอยู่ได้ยาวนาน (ประมาณ 2 – 3 ปี) ขึ้นอยู่กับแต่ละศูนย์บริการ
ข้อเสีย – เคลือบแก้วรถยนต์
ค่าใช้จ่ายในการเคลือบแก้วค่อนข้างสูง มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับประเภทของสารเคลือบและขนาดของรถ นอกจากนี้การไปทำเคลือบแก้วยังต้องใช้เวลาที่ค่อนข้างนาน และแม้การเคลือบแก้วจะป้องกันรอยขีดข่วนได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนลึก ๆ ได้
ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
- พิจารณาว่างบประมาณที่มีอยู่เพียงพอต่อการเคลือบแก้วหรือไม่
- รถใหม่หรือรถเก่า รถที่ใช้งานบ่อยหรือจอดในร่ม
- หากล้างรถบ่อย การเคลือบแก้วจะช่วยให้การดูแลรักษารถง่ายขึ้น
- หากต้องการให้รถดูใหม่และเงางามเสมอ การเคลือบแก้วก็เป็นตัวเลือกที่ดี
การเคลือบแก้วรถยนต์เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรักษารถให้มีสภาพดีอยู่เสมอ แต่ก่อนตัดสินใจ ควรพิจารณาข้อดี ข้อเสีย และปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นให้รอบคอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด
บทความที่น่าสนใจ
อย่ามองข้าม! เช็คระยะเป็นประจำ ก่อนที่ปัญหาจะใหญ่โต
วิธีกำจัดรอยขนแมว ให้รถกลับมาใสกิ๊ง ทำเองง่าย ๆ ได้ที่บ้าน