ทำตลาดมา 3 ปี ได้รับการตอบรับอย่างดีจากแฟนๆหน้าเก่าที่ชื่นชอบ Peugeot เป็นทุนเดิมจนถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่พึ่งสัมผัสเป็นครั้งแรก
ปัจจุบัน Peugeot กลับมาทำตลาดที่เมืองไทยด้วยรถเอสยูวี Peugeot 3008 และ Peugeot 5008 นำเข้าจากมาเลเซีย สามารถทำราคาไล่เลี่ยกับคู่แข่งจากญี่ปุ่นได้ และล่าสุดเอสยูวีน้องเล็กสุดที่มาทำความรู้จักกับคนไทยเกือบ 2 ปี จากโชว์ดักคอผนวกกับการเปลี่ยนผ่านของตัวแทนจำหน่ายที่มาเลเซียจนส่งผลให้การตั้งไลน์ประกอบล่าช้า ล่าสุดข้ามน้ำข้ามทะเลส่งมาถึงเมืองไทยพร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการช่วงงาน Motor Expo 2021 กับค่าตัวที่ถูกที่สุดในกลุ่มรถยุโรปที่จำหน่ายในเมืองไทย กับ Peugeot 2008 หวังที่จะมาชนคู่แข่งระดับเดียวกันทั้ง Honda HR-V, Toyota Corolla Cross, HAVAL Jolion, Subaru XV และ Mazda CX-30 MY2022
Design & Extrerior
เอสยูวีจากแดนน้ำหอมพร้อมดีไซน์ที่แตกต่าง ลงตัวสะท้อนบุคลิกเฉพาะตัว สะกดทุกสายตา สะท้อนความเป็นสิงห์ผยองทุกมุมมองตั้งแต่ ไฟหน้า Fulll LED แบบกรงเล็บสิงโต “triple-claw” 3 เส้น กระจังหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ และโลโก้ 2008 ที่ขอบฝากระโปรงหน้า ไฟเดย์ไทม์รันนิงไลท์แนวตั้งคล้ายเขี้ยวสิงโต ไฟท้าย Full LED แบบกรงเล็บสิงโต ‘lion claws’ บนฝาท้ายมีสปอยเลอร์หลังกับไฟเบรก LED แต่ที่สังเกตว่ากันชนหลังมีการออกแบบยื่นออกมาแต่ก็ยังคงมีความสวยงามลงตัวเช่นเคยกับท่อไอเสียเดี่ยวหุ้มปลายโครเมี่ยม 2 ข้าง ด้านข้างตกแต่งด้วยโทนสีดำทั้งกระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ที่เปิดประตู พร้อม Keyless Entry ตรงก้านที่เปิดประตูสองฝั่งสามารถล็อกปลดล็อกที่ก้านหรือตัวกุญแจรีโมท Smart Key พิเศษยังสามารถสั่งล็อกหรือปลดล็อกเมื่อเข้ามาใกล้หรือเดินออกห่างจากตัวรถได้ หรือ Walk Away Auto Lock & UnLock ราวหลังคาดีไซน์สปอร์ต และคิ้วชายล่างสีโครเมี่ยมที่ออกแบบซุ้มล้อสีดำอย่างลงตัวกับล้ออัลลอยทูโทน ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/60 R17 จาก Good Year Tripple Max 2
ตัวรถมีมิติที่สมส่วนลงตัวในร่างเจเนอเรชั่นที่ 2 รหัส P24 ตั้งแต่ความยาว 4,300 มม. ความกว้าง 1,770 มม. ความสูง 1,550 มม. ระยะฐานล้อ 2,605 มม. ระยะความสูงใต้ท้องรถ 221 มม. น้ำหนักรถ 1,280 กก. ความจุถังน้ำมัน 44 ลิตร และรัศมีวงเลี้ยว 5.2 เมตร
Interior & Convenience
ต้องบอกเลยว่าเอสยูวีฝรั่งเศสคันนี้ล้ำยุคไฮเทคกว่าเจ้าไหนๆด้วยแผงคอนโซลหน้า แบบ ‘i-Cockpit 3D’ พร้อม Head-Up Display แบบดิจิตอล 3 D ขนาด 10 นิ้ว แสดงข้อมูลหลากหลาย ทังมาตรวัดความเร็ว รอบเครื่องยนต์ อุณหภูมิเครื่องยนต์ ระดับน้ำมัน และ MID ลอยขึ้นมาอยู่ใกล้สายตาผู้ขับ ช่วยเพิ่มความฉับไวในการตอบสนองได้ดี ซึ่งตลอดการขับตั้งแต่กรุงเทพฯไปจนถึงบางกระเจ้านั้น ใช้งานดีไม่แพ้กับชุดมาตรวัดทั่วๆไปตามรถกหลายยี่ห้อ แต่ก็ต้องปรับตัวกันสักนิดถ้าจับคันนี้มาเป็นคู่หู แถมชุดมาตรวัดนี้ยังติดตั้งเหนือพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 2 ก้านขนาดกะทัดรัด ‘Compact Steering Wheel’ ควบคุมง่ายให้ความรู้สึกกระชับแต่ว่าสวิตช์ล็อกความเร็วอัตโนมัติ หรือ Cruise Control อยู่ฝั่งซ้ายหลังพวงมาลัยเป็นสวิตช์แยกออกมาซึ่งเป็นอุปสรรคในการใช้งานไม่เหมือนหลายค่ายมาติดตั้งไว้ในชุดพวงมาลัย จำเป็นต้องจำตำแหน่งปุ่มเปิดปิดเพิ่มและลดความเร็วด้วยตัวเอง และปรับระดับได้ 4 ทิศทาง สร้างความรู้สึกพิเศษได้ดีด้วยจอทัชสกรีนสัมผัสขนาด 7 นิ้ว กลางแผงคอนโซลหน้า แสดงผลได้หลากหลาย พร้อมระบบปฏิบัติการ Android Auto และ Apple Car Play รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออันทันสมัยเสียงเพลงไพเราะพอตัวกับลำโพงมากถึง 6 จุด ถัดลงมาเป็นช่องแอร์กับสวิตช์ควบคุมทรงก้านเปียโนสวยงาม 7 สวิตช์ปุ่ม Push Start แถมมีข่องเสียบ USB สองฝั่งให้มาด้วยและภายในกับช่องวางมือถือขนาดใหญ่ คันเกียร์ขนาดกะทัดรัดจับพอดีแบบขั้นบันได หลังคันเกียร์มีสวิตช์โหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 4 โหมด เบรกมือไฟฟ้าที่ไม่มีระบบ Auto Hold ที่วางแก้วและกล่องคอนโซลกลางมีฝาปิดหุ้มหนังสัมผัสสีดำ กระจกไฟฟ้าขึ้นลงครั้งเดียว One Touch ที่ใจดีให้มาทั้ง 4 บาน แผงประตูคู่หน้ามีการสร้างบรรยากาศเล็กน้อยกับไฟเรืองแสงในห้องโดยสารแบบ Mood Lighting สีน้ำเงิน และช่องเสียบ 12-Volt Power Outlet
เบาะนั่งเป็นแบบโทนสีดำเข้มหุ้มวัสดุกึ่งหนังแท้แต่ปรับระดับสูงต่ำได้ 6 ทิศทางแบบอัตโนมือไม่ไฟฟ้าทั้งสองฝั่ง ซึ่งอยากให้มีปรับไฟฟ้าสักหน่อยก็จะดี แต่ดีไซน์ตัวเบาะโอบกระชับพร้อมหมอนพนักพิงศีรษะทรงใหญ่ ด้านปุ่มปรับเอนเบาะอาจมีความต่างจากรถญี่ปุ่น ที่ก้านปรับเอนอยู่ตำแหน่งบนสุดของชุดปรับเบาะ ซึ่งถ้าใครใช้รถยุโรปนั่นไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าคนเคยใช้รถญี่ปุ่นแล้วหันมารถยุโรปเป็นครั้งแรกอาจยุ่งยากต้องปรับตัวกันสักนิด ส่วนเบาะนั่งแถวที่สองที่สามารถปรับพับได้แบบ 40/60 และสามารถถอดแผงปิดสัมภาระที่ไม่มีสายคล้องได้ แต่ไม่มีที่ท้าวแขน รวมถึงไม่มีช่องแอร์หลังช่องเสียบ USB กลายเป็นช่องใส่ของอเนกประสงค์ แต่การนั่งด้านหลังยังมีพื้นที่ทั้งเฮดรูมและเลกรูมที่วางเท้าพอสมควร ตัวเบาะวางตำแหน่งเอนพอสมควรนั่งได้สบายแต่ที่รองนั่งออกมาสั้นพอควร
Engine & Transmission
สเปกไทยชัดเจนแล้วว่าใช้ขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 1.2 ลิตร PureTech 130 รหัส EB2ADTSM 3 สูบ 12 วาล์ว ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 1,199 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ X ช่วงชัก 75.0 X 90.5 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1 ให้กำลังมากสุด 130 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด (AT6 III) ขับเคลื่อนล้อหน้า ให้ค่า CO2 เพียง 117 กรัม/กม.
ถึงรถเอสยูวีคันนี้อาจมองว่ากำลัง 1.2 ลิตร แค่นี้จะไปสู้กับใครได้ แต่หารู้ไม่ว่าคันนี้มีพิษสงร้ายกาจแรงตามตัวมันเองกำลังวังชาพอๆกับรถเครื่อง 1.8 หรือ 2.0 ลิตร นำพาร่างเอสยูวีคันนี้ไปได้อย่างใจนึกเร่งแซงคิกดาวน์ไม่ว่าจะใช้โหมดการขับขี่ 4โหมด ทั้งแบบ ECO, Normal, Manual และ Sport เข้าโหมดไหนก็แรงเร้าใจเช่นกันยิ่งถ้าเข้าโหมด Sport เมื่อไหร่ความมันส์ทะลุไมล์ก็เกิดขึ้นทันที แถมมีเสียงคำรามเครื่องคล้ายกับเสียงรถซูเปอร์คาร์ชั้นดี แม้น้ำหนักจะอยู่ที่ 1.2 ตัน ระบบเกียร์เป็นแบบอัตโนมัติทอร์คคอนเวอร์เตอร์ 6 สปีดคาดว่าจากผู้ผลิต AISIN ที่การเข้าเกียร์ค่อนข้างสมูทอาจมีกระตุกบ้างตอนชะลอความเร็วแต่ก็ไม่น่าเกลียดพร้อม Manual Mode +/-
Handling & Ride
แน่นอนแล้วว่ารถบีเอสยูวีคันนี้เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าเหมือนคู่แข่งเดียวกัน ช่วงล่างจึงสำคัญโดยรุ่นนี้มาพร้อมช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันอิสระพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง การปรับเซ็ตออกไปทางแข็งๆไม่กระด้างไม่ย้วยมีความเฟิร์ม อาการรีบาวด์ออกแนวตึงๆ แต่ภาพรวมขับขี่สนุกและเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ช่วงล่างมีเอกลักษณ์ถึงแม้คู่แข่งส่วนมากจะเน้นไปนุ่มนวลหรือสปอร์ตแต่ก็สปอร์ตไม่สุดเท่า Peugeot 2008 พวงมาลัยพาวเวอร์เป็นแบบไฟฟ้า EPS ขับปกติความเร็วต่ำๆกลางๆยังเบาๆแต่พอความเร็วสูงขึ้นกลับมีน้ำหนักพอดีๆเรียกว่าเอาใจสาวมั่นหรือหนุ่มมั่นได้อย่างเหมาะสม ระบบเบรกที่มีดิสก์เบรก 4 ล้อการทำงาน ต้องมีน้ำหนักในการกดแป้นมากขึ้นถึง 20 % รถจะหยุดทันที ระยะการเบรกสั้นลงทันใจดี
Safety & Feature
ความปลอดภัยมีมาให้เกือบครบครันตั้งแต่ เตือนรถในมุมอับสายตา Blind Spot Monitoring ,ช่วยเตือนให้เบรกเมื่อมีสิ่งกีดขวาง Active Safety Brake Warning ,เตือนผู้ขับขี่เมื่อมีอาการเมื่อยล้า, เตือนเมื่อรถวิ่งออกนอกเลน Lane Keeping Assist, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control, อ่านป้ายจำกัดความเร็วและระบบจำกัดความเร็ว กล้องมองหลัง Vision Pack ที่มองกว้างถึง 180 องศา สัญญาณกะระยะการจอด 4 จุดหน้า-หลัง ควบคุมการลื่นไถล (TCS) ควบคุมการทรงตัวของรถ (ESP) ออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ช่วยเบรคอิเล็กทรอนิกส์ (EBA) เบรก ABS+EBD และถุงลมนิรภัย 6 จุด รอบคัน
Verdict
ด้วยดีไซน์ที่แปลกแหวกแนวแต่ก็การันตีด้วยรางวัลดีไซน์ยอดเยี่ยม ‘Red Dot Design Awards 2020’ ทำให้โดนใจวัยรุ่นยุคเจน X กับ Y สายโสดยังไม่มีครอบครัวเดินทางกันแค่ 2 คน เป็นอย่างยิ่ง แถมตัวรถกะทัดรัด ภายในล้ำยุคจริงแต่ก็ต้องปรับตัวกันสักนิดกับการใช้งานตั้งแต่จับพวงมาลัยการจับสวิตช์เปียโนโครเมี่ยม 7 ปุ่ม เบาะนั่งทรงดีนั่งดีแต่ก็อยากให้มีปรับไฟฟ้าสักหน่อย ระบบล็อกกับปลดล็อกแบบ Walk Away Auto Lock & UnLock แถมขับสนุกทั้งในเมืองนอกเมืองด้วยพลังเทอร์โบ 130 ม้า ถือว่าอย่าดูถูกมันเป็นอันขาด ช่วงล่างแข็งเฟิร์มถูกใจสายขับสนุกเป็นอย่างมาก ก็เป็นจุดขายสู้ได้กับคู่แข่งระดับเดียวกัน กับการวางตำแหน่งรุ่นรถหรือแบรนด์ให้เป็น High End Main Stream หรือรถพรีเมี่ยมคุณภาพดีในราคาเทียบเท่ารถญี่ปุ่น ด้วยค่าตัวพิเศษ 1,189,000 บาท นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับ Peugeot 2008 รุ่น Allure
ขอขอบคุณ เปอโยต์ ประเทศไทย ที่เชิญทีมงาน Car2Day เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถ Peugeot 2008