More

    รีวิว! Honda CR-V 2023 สองพ่อบ้านสายพรีเมียม..ไม่รู้จะเลือกใคร

    นับเป็นรถเอสยูวีรุ่นบุกเบิกของค่าย Honda ครองใจสาวกมานานกว่า 20 ปี ขายไทยตั้งแต่เจเนอเรชันแรกสะสมยอดขายไปกว่า 2 แสนคัน หนีไม่พ้น Honda CR-V

    Hondaครั้งนี้เป็นเจเนอเรชันที่ 6 ในรหัสตัวถัง RS เปลี่ยนแปลงทั้งคันลบภาพจำเดิมๆของ Honda CR-V ออกไปเปิดตัวในไทยครั้งแรกที่งาน Bangkok Motor Show 2023 สร้างยอดจองมหาศาลและ Car2Day ไม่พลาดโอกาสจับ  CR-V เจนนี้มาทำความรู้จักและ ขอขอบคุณ ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ส่งรถ Honda CR-V ทั้งสองรุ่นให้ทีมงาน Car2Day ได้รู้จักตัวตนของเอสยูวีสายพรีเมียมรุ่นท็อปสุดสองขุมพลังมาแบทเทิ้ลกันทั้งรุ่นไฮบริด e:HEV RS ขับเคลื่อนสี่ล้อ และรุ่นเบนซินเทอร์โบ EL ขับเคลื่อนสี่ล้อ 7 ที่นั่ง 

    Design & ExteriorHonda

    Honda CR-V รุ่น EL 4WD 7 ที่นั่ง หล่อและหรูตั้งแต่กระจังหน้าดีไซน์พิมพ์นิยมแบบ Piano Black กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) เปิดมุมมองใหม่ที่พรีเมียมยิ่งขึ้นกับ สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close) เสาอากาศครีบฉลาม ปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่ ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18 สีเงินทั้งวง ล้อมกรอบด้วยคิ้วขอบล้อสีดำด้านทั้งสี่ด้าน

    Honda

    ทางด้านรุ่น RS e:HEV 5 ที่นั่งยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมจากรุ่น EL 4WD อีกขั้นด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคัน เสริมเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น ด้วยสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ Piano Black  กันชนหน้าและหลังสีเดียวกับตัวรถ ชายกันกระแทกด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ คิ้วตกแต่งประตูข้างสีดำ Gloss Black ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED  สปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถและสีดำ Piano Black เสาอากาศครีบฉลามสีดำ Piano Black  ล้ออัลลอย 19 นิ้ว แบบสปอร์ต พร้อมยาง 235/55R19 ล้อมด้วยคิ้วขอบล้อสีเดียวกับตัวรถ

    มิติตัวรถใหญ่ขึ้นและเท่กันทั้งสองรุ่นตั้งแต่ความยาว 4,691 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,866 มิลลิเมตร ความสูง 1,691 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 208 มิลลิเมตร ความจุถังน้ำมัน 57 ลิตร แต่น้ำหนักรถทั้งสองรุ่นต่างกันเริ่มที่รุ่น EL 4WD 7 ที่นั่งหนัก 1,749 กิโลกรัม และ 1,815 กิโลกรัม สำหรับรุ่น RS e:HEV 5 ที่นั่ง

    Interior & ConvenienceHonda

    ภายในห้องโดยสารทั้งสองรุ่นกว้างขวางเติมเต็มประสบการณ์ที่ดีตลอดเส้นทางด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียมผสานแนวคิดระหว่างการใช้วัสดุคุณภาพสูงและความอเนกประสงค์ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียมอาทิ ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient Light) ที่ได้รับการติดตั้งในหลายตำแหน่ง อาทิ ถาดคอนโซลกลาง แผงประตูหน้าและหลัง และที่วางแก้ว ไฟอ่านหนังสือด้านหลัง LED แบบสัมผัส หน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย Android Auto รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว  อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่ง (USB Type-C 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง  2 ตำแหน่ง)Honda

    เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์แบบสมาร์ตกับหลากหลายเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเพื่อความสบายทั้งหมดนั้นจะอยู่ในรุ่น e:HEV RS 4WD 5 ที่นั่งทั้ง ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) เครื่องเสียง BOSE พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย Android Auto พร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ในตัวจอ ควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ พร้อม Honda Smart Key Card ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา แบบ i-Dual Zone ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมชุดตกแต่งภายในลายอะลูมิเนียมปัดเงาและสีดำ Piano Black เบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านหุ้มหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ตHonda

    เบาะนั่งทั้งหมดหุ้มด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้สีดำคู่หน้าทั้งสองรุ่นปรับด้วยระบบไฟฟ้าด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมปุ่มดันหลังปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางพร้อมบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat) และคนนั่งปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง ในรุ่น e:HEV RS 4WD และ 7 ที่นั่งในรุ่น EL 4WD สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายพร้อมพื้นที่สัมภาระท้ายที่กว้างขวางเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Sliding) เลื่อนและแยกพับแบบ 60:40 รุ่นเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้าน สามารถปรับพับลงแนวราบได้เรียบ (Utility Mode) ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย และสามารถปรับพับเบาะด้านหน้าและด้านหลัง (Long Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาวHonda

    รุ่น EL 4WD 7 ที่นั่งปรับพับเบาะด้านหลังแถวที่ 3 เพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้ายในขณะที่ผู้โดยสารแถว 2 สามารถนั่งได้อย่างสะดวกสบาย หรือปรับพับเบาะทั้งแถวที่ 2 และ 3 ลงแนวราบ (Utility Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย และสามารถปรับพับเบาะด้านหน้าและด้านหลังทั้งแถวที่ 2 และ 3 (Long Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว ได้ลำโพง 8 ตำแหน่ง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลังตอนที่2 และตอนที่ 3 ชุดตกแต่งภายในลายไม้และสีดำ Piano Black เบาะหนังสีดำ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านหุ้มหนังสีดำและแป้นเหยียบคันเร่งและเบรกสีดำทั่วไป

    Power & Transmission

    Hondaขับเคลื่อนสู่ทุกจุดหมายด้วยสองทางเลือกสองความแรงตอบโจทย์ทุกการขับขี่จากเครื่องยนต์เบนซินสองรูปแบบเริ่มที่เบนซิน e:HEV 2.0 ลิตร รหัส LFAS1 Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลัง 148 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 183 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) มอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) ให้กำลัง 184 แรงม้าที่ 5,000-8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 335 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบต่อนาที เมื่อทำงานร่วมกันจะได้พลังแรงสุด 207 แรงม้า

    ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 113 กรัมต่อกิโลเมตร และรองรับน้ำมันสูงสุด E20 มาพร้อมสวิตซ์โหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch) ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ตามสไตล์ได้อย่างง่ายดาย ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และโหมดการขับขี่แบบประหยัด (Econ Mode) คู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD

    Honda

    และเบนซินเทอร์โบล้วน Di VTEC TURBO 1.5 ลิตร รหัส L15BE ให้กำลังสูงถึง 190 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 240 นิวตันเมตรที่ 1,700-5,000 รอบต่อนาที มาพร้อมสวิตซ์โหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch) ได้แก่โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และโหมดการขับขี่แบบประหยัด (Econ Mode) คู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (CVT) ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD และรองรับน้ำมันสูงสุด E85

    Handling & Ride

    Hondaการที่ Honda CR-V เจนใหม่มาไทยเปลี่ยนรูปแบบตลาดเน้นเบนซิน VTEC Turbo กับไฮบริด e:HEV และไม่ไปต่อกับเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC และเบนซิน 2.4 ลิตร i-VTEC เป็นมิติใหม่ของวงการยานยนต์ไทยเป็นทางเลือกที่ดีในยุครถไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มส่วนแบ่งตลาดและเป็นแบบฝึกหักสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่พร้อมใช้รถไฟฟ้าล้วนเมื่อมาขับรุ่นไฮบริด ที่น้ำหนักมากกว่ารุ่นเทอร์โบถึง 66 กิโลกรัมถึงจะมาแค่รุ่น 5 ที่นั่ง ให้ความปราดเปรียวขับสนุก กดคันเร่งแซงได้ทันใจ ผลจากแรงบิด 305 นิวตันเมตร แรงม้ารวมสูงสุด 207 ม้า และอัตราส่วนการอัด 13.9:1 จากการทำงานทั้งเครื่องยนต์ ทำงานผสานกันบวกระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV

    ระบบเกียร์เป็น E-CVT เพิ่มความมันส์ในการขับขี่เป็นทวีคูณให้อัตราเร่งมาแบบรวดเร็วตั้งแต่ความเร็วไปถึงความเร็วสูงด้วยระบบปรับเปลี่ยนโหมดการทำงาน ใน 3 โหมด ได้แก่ โหมดขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) ในด้านความประหยัดน้ำมันจากสูตร Save Mode ที่ได้ลองขับทั้งในเมืองและชานเมืองกรุงเทพฯ ให้อัตราสิ้นเปลืองถึง 17.89 กิโลเมตรต่อลิตร (ผลจากมาตรวัดทำได้ 18.7 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการสิ้นเปลืองจากโรงงาน 20.8 กิโลเมตรต่อลิตร) ไม่เลวเลยทีเดียว เป็นรถที่เซ็ตมาดีให้ความประหยัดเกินหน้าเกินตารุ่นเทอร์โบแต่ความแรงรุ่นไฮบริดสูสีกันHonda

    รุ่นเทอร์โบ 1.5 ลิตร ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใดสามารถแบกน้ำหนัก 1.7 ตัน ไปถึงจุดหมายตามที่ปรารถนาไว้จากความดีความชอบของอัตราส่วนการอัด 10.3:1 แรงม้าที่แตะเกือบ 200 แรงบิดระดับพอเพียง 240 ด้วยรอบที่ต่ำและกว้างตั้งแต่ 1,700-5,000 รอบต่อนาที การทำงานคล่องตัวรวดเร็วไม่แพ้เครื่องไฮบริด 2 ลิตร เครื่องยนต์ทำงานราบเรียบนิ่งนุ่มนวล แซงรถได้สบายๆไม่ลากรอบ ลุ้นกันจนตัวโก่งในการขับขี่ในเมือง นอกเมืองเร่งทันใจพอสมควร ต้องเรียนรู้กันสักนิดในการกดและจังหวะความเร็วในแต่ละช่วงรับรองความหฤหรรษ์จะบังเกิด แม้อัตราสิ้นเปลืองตามที่โรงงานเคลมไว้ 14.3 กิโลเมตรต่อลิตร แต่เอาเข้าจริงได้เพียง 10-12 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าเป็นเป็นเรื่องปกติของเครื่องสันดาปล้วนติดหอย ระบบเกียร์ CVT ทำงานสัมพันธ์กับเครื่องไม่กระตุกแม้ตอนขับลงทางลาดชันยาวต่อเนื่องเกียร์จะอยู่ตำแหน่งเหมาะสมไว้เป็น Engine Brake หน่วงตอนลงมีแรงฉุดพอสมควรเพื่อเบาะภาระของเบรกและมีแป้นเหนี่ยวหลังพวงมาลัย Paddle Shift เป็นผู้ช่วยที่ดีในการขับลงเขาหรือเพิ่มกำลังไดด้อย่างดี

    ช่วงล่างของ CR-V สองรุ่นนี้เป็นอิสระสี่ล้อด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัตด้านหลังมัลติลิงก์พร้อมเหล็กกันโคลงหน้าและหลังให้ตัวตตนที่แตกต่างกันเริ่มที่รุ่นไฮบริด 2.0 ลิตร เซ็ตช่วงล่างแบบนุ่มนวลและสปอร์ตมีการปรับค่าความแข็งของ สปริง โช้กอัพ และเหล็กกันโคลงผนวกกับล้อ 19 นิ้ว ยางหน้ากว้าง 235 มิลลิเมตร ซีรส์ยางต่ำเพียง 55 เกาะถนนได้ดีคมทุกโค้ง การเก็บเสียงเงียบมากเมื่อมอเตอร์และแบตเตอรี่ทำงานอย่างเดียวไร้เสียงเครื่องยนต์ ด้านรุ่นเทอร์โบ 1.5 ลิตร เน้นหนึบแอบนุ่มบ้าง เข้าโค้งดีไม่แพ้รุ่นไฮบริดแต่เจอถนนแบบมีคลื่นถี่ๆ ความยืดหยุ่นจะมามากกว่ารุ่นไฮบริด

    พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าทั้งสองรุ่นแบบ DP-EPS ให้น้ำหนักดีไม่เบามาก เข้าโค้งคมในช่วงความเร็วสูงเข้าโค้ง ในขณะขับขี่ความเร็วๆทั่วไปในเมืองเบาพอดีไม่หนืดไม่หนักให้ความคล่องตัวเสมือนขับรถ City Car ไปได้ทุกซอกทุกมุม ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกสี่ล้อเบรกได้ทันใจน้ำหนักการกดแป้นแบรกสอดคล้องกับระดับการจับของตัวเบรกหยุดจากน้อยไปหามากอย่างตรงไปตรงมาไม่เบรกไหลและไม่ลึกเกินไปอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ CR-V นั่นคือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Real Time AWD with E-DPS แบ่งการขับเคลื่อนหลากรูปแบบเช่น 60:40 และ 50:50 รองรับการขับขี่หลายสภาพเส้นถนนเพิ่มแรงขับเคลื่อนล้อหลังในทุกความเร็วในส่วนขณะขับบนทางลาดชันให้ความเร็วดีขึ้นและควบคุมเข้าโค้งอย่างมั่นใจ

    Safety & Feature

    Honda

    ความปลอดภัย Honda SENSING ให้ครบทุกรุ่นย่อยผสานการทำงานของกล้องด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS), ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) และ เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

    ออปชันพิเศษประจำรุ่น e:HEV RS 4WD กับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถด้านหน้าและคนเดินถนน

    พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยพื้นฐานล้ำสมัยเพื่อการขับขี่ อาทิ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC) ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) แสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) แต่ว่าไม่มีระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน BSM Blind spot monitoring ช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) แม้กระทั่งเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake) ซึ่งรรถราคาระดับนี้เจ้าอื่นๆเขามีให้หมดแล้ว

    Verdict

    Honda

    อาการรักพี่เสียดายน้องเกิดขึ้นแน่ๆถ้าภรรยาและลูกหลานชอบความกว้างขวางใหญ่โตนั่งสบายกว่าแถมได้ขุมพลังที่แรงพอดีๆไม่อยากวุ่นวายกับระบบพ่วงถ่านแต่ต้องแลกกับความสิ้นเปลืองที่มากกว่ารุ่นไฮบริด เทอร์โบ 1.5 ลิตรเป็นคำตอบ แต่ถ้าอยากประหยัดและไม่ยังไม่พร้อมที่จะใช้รถอีวี รุ่นไฮบริด 2.0 ลิตร เป็นคำตอบแม้ส่วนต่างทั้งสองรุ่น 80,000 บาทในรุ่นไฮบริด e:HEV RS 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,729,000 บาทและรุ่น EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,649,000 บาท

    สิ่งที่อาจเป็นจุดด้อยของ Honda CR-V เจนนี้ที่เราไม่มีแต่เขามีกับออปชันความปลอดภัยบางรายการนั่นคือไม่มีระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Blind spot monitoring ช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) พร้อมเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake) ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆสำหรับค่ายนี้แต่อาจเป็นจุดด้อยที่คนซื้ออาจมองข้ามไปหาคู่แข่งเดียวกันได้

    Honda

    ด้วยชื่อชั้นของ Honda ศูนย์บริการและเครือข่ายการจำหน่ายครอบคลุมทั่วไทย การรับประกันทั้งคุณภาพรถและตัวไฮบริดทำให้เชื่อมั่นในตัวรถ Honda CR-V จนมียอดจองค้างสะสมจนต้องรอนานหลายเดือนเกินกำลังความสามารถของทีมงานผลิตที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะจนจนต้องปรับแผนเร่งการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าโดยรุ่นฮิตฮอตจองล้นหลามก็คือรุ่นฟูลไฮบริดหรือ e:HEV

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts