หลังได้เผยหน้าตาความหรูอย่าง Maserati GranTurismo สาวกค่ายตรีศูลที่ชื่นชอบรอคอยที่อยากเป็นเจ้าของพรีเมียมสปอร์ตคาร์เจเนอเรชันใหม่
ล่าสุด Maserati เผยดีไซน์ภายในแบบใหม่หมดเป็นครั้งแรกซึ่งยกมรดกเทคโนโลยีมาจากเพื่อนร่วมค่ายอย่าง Maserati Grecale เอสยูวีที่พึ่งเปิดตัวไปไม่นานไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งที่หรูหรา ตกแต่งอย่างประณีตทุกรายละเอียด ด้วยหนังแท้เกรดพรีเมียม, ไม้แท้, คาร์บอนไฟเบอร์
ห้องโดยสารติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA), อินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุดด้วยจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว และจออีกชุด 8.8 นิ้ว , มาตรวัดดิจิทัล 12.2 นิ้ว, นาฬิกาดิจิทัล และเฮด-อัพ ดิสเพลย์ (เป็นออปชั่น) นอกจากนี้ ยังมอบประสบการณ์พิเศษแบบ ‘all-round sound experience’
ชุดเครื่องเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์ มาเซราติ รวมทั้งเวอร์ชันรถไฟฟ้า อันเกิดจากฝีมือการพัฒนาของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab เครื่องระบบเสียง Sonus faber 3D ที่พัฒนาและออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญชาวอิตาเลียน ติดตั้งลำโพง 14 ตำแหน่ง กำลังขับ 860 วัตต์ เป็นมาตรฐาน รวมถึงมีชุดลำโพง 19 ตำแหน่ง กำลังขับ 1,195 วัตต์ เป็นออปชัน และนั่งสบายแบบ 2+2 ที่นั่ง
ภายนอกรักษาสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยฝากระโปรงหน้าทรงยาว และตำแหน่งผู้ขับที่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้ง 4 มาพร้อมหลังคาลาดต่ำสู่ด้านหลัง เน้นให้เห็นความโค้งมนของเสาซีที่มีโลโก้ตรีศูลติดตั้งอยู่
พร้อมไฟหน้า Full LED พร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 265/30 R20 ในล้อหน้าและ 295/30R21 ในล้อหลัง และ 265/35R20 สำหรับล้อหน้า และขนาด 21 นิ้ว พร้อมยาง 295/30R21 สำหรับล้อหลัง พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ ที่มีคาลิเปอร์ให้เลือกถึง 7 สี
ขุมพลังเบนซินเทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร V6 Nettuno มีสองความแรงตั้งแต่ 490 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบ/นาที ความเร็วสูงสุด 302 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.9 วินาที ในรุ่น Modena และอัพเกรดเพิ่มกำลังเป็น 550 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 650 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบ/นาที ความเร็วสูงสุด 320 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.5 วินาที ในรุ่น Trofeo
ทั้งสองความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด 8HP75 Gen2 พร้อมโหมดการขับขี่สี่โหมดทั้ง COMFORT, GT, SPORT, CORSA ดิสก์เบรกสี่ล้อจาก Brembo แบบคาลิเปอร์ 6 พอต ขนาด 380×34 มม. สำหรับดิสก์หน้าและดิสก์หลังแบบคาลิเปอร์ 4 พอต ขนาด 350×28 มม.
พร้อมนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า 100% ส่งกำลังผ่านมอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้า 300-kw จำนวน 3 ตัว ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ใช้พื้นฐานจากเทคโนโลยีมอเตอร์ 800 โวลต์ ของรถแข่งฟอร์มูลาอี (Formula E) แบตเตอรี่ความจุ 92.5 kWh สามารถปล่อยกำลัง760 แรงม้า แรงบิด 1,350 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 2.7 วินาที
ความเร็วสูงสุด 320 กม./ชม. ลงสู่ล้อ ชาร์จได้ทั้งชาร์จแบบกระแสงตรงหรือชาร์จเร็ว DC รองรับแรงดันไฟฟ้า 800 V สามารถรองรับการชาร์ตได้สูงสุด 270 kW ถึง 100 % ในเวลา 5 นาที และแบบรองรับแรงดันไฟฟ้า 400 V สามารถรองรับการชาร์ตได้สูงสุด 50 kW และชาร์จแบบกระแสสลับหรือชาร์จช้า AC วิ่งไกลสุด 450 กม./ชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP
พร้อมโหมดการขับขี่สี่โหมดทั้ง MAX RANGE, GT, SPORT, CORSA รวมไปถึงนวัตกรรมอันทันสมัยในการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ ‘T-bone’ หรือติดตั้งไว้บริเวณโครงสร้างกลางรถ
แทนที่การติดตั้งไว้ใต้เบาะผู้ขับ ส่งผลดีต่อบาลานซ์และจุดศูนย์ถ่วงของรถ กับความสูง 1,353 มม. นับเป็นส่วนหนึ่งของคอนเซ็ปต์ ‘zero compromise’ ในรุ่น Folgore
Maserati GranTurismo เจเนอเรชันใหม่ผลิตที่โรงงาน มิราฟิออรี เมืองตูริน ประเทศอิตาลี ช่วงแรกขายในตัวถังคูเป้ ส่วนรุ่นเปิดประทุนหรือ GranCabrio จะเปิดตัวครึ่งปีหลังของปี 2023 ส่วนเมืองไทยอาจได้พบกันที่งาน Motor Show 2023
ที่มา Carsales