More

    BYD SEAL 2024 จ่อส่งมอบที่ออสเตรเลียปลายปีนี้

    ออสเตรเลียเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยก่อนเมืองไทยกับ BYD SEAL เวอร์ชันพวงมาลัยขวาเก๋งไฟฟ้าล้วนมือพิฆาต TESLA Model 3 จากอเมริกา

    BYD

    ฮ่องกง ไทย และออสเตรเลียคือสามประเทศต้นๆของเอเชียและโอชิเนียที่เปิดตัวเวอร์ชันพวงมาลัยขวากับ BYD SEAL ดีไซน์หล่อล้ำอนาคต ตั้งแต่ไฟหน้า LED ชุดกันชนหน้าขึ้นรูปชิ้นเดียวมีกระจังหน้าปิดทึบอยู่ในชุดเดียวกัน กระจกแบบโอเปร่า ดีไซน์หรูหราดุจรถยุโรป เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถ แนวตัวถังด้านข้าง ต่อเนื่องไปจนถึงโคมไฟท้าย LED ที่วางแบบเต็มความกว้างท้ายรถติดตั้งดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมสรรพ จุดสังเกตของรุ่นท็อปสุดด้านท้ายจะมีตัวอักษรว่า AWD และ 3.8 S ติดที่ฝากระโปรงท้าย

    พื้นที่วางของที่ฝากระโปรงหน้า 53 ลิตร ล้อสีทูโทนดีไซน์เอกลักษณ์ ให้เลือกทั้งขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 225/50R18 และขนาดใหญ่ 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/45R19 จาก Continental SportContact บนพื้นฐาน e-platform 3.0 ความยาว 4,800 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,875 มิลลิเมตร ความสูง 1,460 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,920 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 120 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,922-2,185 กิโลกรัม และรัศมีวงเลี้ยว 5.7 เมตร

    BYD

    ห้องโดยสารเด่นทั้งเรื่องดีไซน์ตั้งแต่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 3 ก้าน ทรงท้ายตัดพร้อมสันขอบพวงมาลัยเพิ่มความกระชับให้กับอุ้งมือในการจับ จอ Driver Display แสดงผลในรูปแบบดิจิตอล LCD 10.25 นิ้ว ถัดไปอีกเล็กน้อย คือ Head-up Display แสดงข้อมูลที่จำเป็นโดยที่ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนเบื้องหน้าส่วนจอแสดงผล ระบบ Infotainment ขนาดใหญ่เต็มตาถึง 15.6 นิ้ว เชื่อมต่อ Apple Car Play Android Auto รองรับ 5G มีระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ DiLink ที่ชาร์จมือถือไร้สายรวมถึงหัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส เบาะนั่งทรงสปอร์ต หุ้มหนังอย่างประณีต มีช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ และพื้นที่สัมภาระท้ายมีความจุ 400 ลิตร

    BYD

    ขุมพลังอีวีมีให้เลือกหลากหลาย 3 ทางเลือกตั้งแต่ รุ่นเริ่มต้น Standard Range ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยแบตเตอรี่ที่มีความจุ 61.44 kWh วิ่งได้ 510 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC หรือ 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP กำลังสูงสุด 204 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.5 วินาที

    รุ่น Extended Range ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) พร้อมความจุแบตเตอรี่ 82.56 kWh กำลังสูงสุด 313 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC  หรือ 570 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อการชั่วโมง ภายใน 5.9 วินาที

    รุ่นท็อปสุด Extended Range AWD Performance มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมีความจุแบตเตอรี่ขนาด 82.56 kWh กำลังรวมสูงสุด 530 แรงม้า กับ แรงบิดสูงสุดระดับ 670 นิวตันเมตร โดยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ากำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตรและมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 580 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC หรือ 520 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP แถมให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อการชั่วโมง ทำได้ 3.8 วินาที

    ทั้งสามรุ่นรองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging) : 30-80% ภายในเวลา 30 นาทีรองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 110 kW ในรุ่น Standard Range ส่วนรุ่น Extended Range และ Extended Range AWD รองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging) : 30-80% ภายในเวลา 26 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 150 kW และชาร์จช้า AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 7 kW ทุกรุ่น

    BYD

    ยังมีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้และช่วงล่างอิสระสี่ล้อพร้อมความปลอดภัยขับเคลื่อนโดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) ระบบความปลอดภัยที่มาอย่างครบครันออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยง ได้แก่ ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and Go, ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW),  ช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB), ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW), ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS),  ช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW, RCW)

    ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD), ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA, RCTB), ช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP), ช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA), ช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW), ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (Follow Me Home) พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ถุงลมนิรภัย 7 จุด, ตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS), จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX, เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ, เบรกป้องกันล้อล็อก (ABS), ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC), ป้องกันการลื่นไถล (TCS), ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา

    BYD

    ยานยนต์อีวีตระกูล Ocean บุกตลาดโลกจนประสบความสำเร็จมาแล้วทั้ง BYD ATTO 3 กับ BYD Dolphin และล่าสุดกับ BYD SEAL ที่มีสาวกให้ความสนใจมากกว่า 10,000 คัน ถึงยังไม่ได้ประกาศราคาในช่วงนี้แต่เตรียมส่งมอบล็อตแรกในช่วงปลายปี 2023

    ที่มา Carsales

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts