More

    Ford Ranger US 2024 เจนใหม่…กระบะเกิดมาแกร่ง

    กระบะที่สร้างนิยามใหม่ให้ทั้งความดุดัน แข็งแกร่ง ทรหด และปลอดภัยในคันเดียวกันนั่นคือ Ford Ranger เจเนอเรชันใหม่และอเมริกาเปิดตัวเป็นที่ๆล่าสุด

    Ford

    โดยจะจำหน่ายเพียงตัวถัง 4 ประตู และยังเป็นการตัดคู่แข่งแดนยุ่นอย่าง Toyota Tacoma เจเนอเรชันใหม่ที่จะเปิดตัวในวันที่ 19 พฤษภาคม ภายนอกโดยรวมเหมือน Ford Ranger เวอร์ชันไทยแต่สิ่งที่ต่างกันได้แก่ดวงไฟเล็กๆตรงคิ้วขอบล้อด้านหน้าซ้าย-ขวา กระจกหลังเลื่อนเปิด-ปิดได้ และ ไฟเบรกดวงที่ 3 ย้ายไปอยู่ที่ขอบบนกระจกท้ายจากเดิมจะอยู่ชุดเดียวกับที่เปิดกระบะท้าย

    นอกนั้นเหมือนกับเวอร์ชันไทยทั้ง กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมเลือกได้ทั้งแบบสีดำกับโครเมียม ไฟหน้า Projetor แบบ LED และ Matrix LED ให้เลือก พร้อมไฟส่องเวลากลางวัน LED Daytime รูปตัว C ในโคมเดียวกัน ในชุดกันชนหน้าทรงเข้มติดตั้งไฟตัดหมอกหน้า LED ล้ออัลลอยดีไซน์เฉพาะขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 255/70R 17 และขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 255/65R18 ที่เหยียบข้างกระบะท้าย ไฟท้ายสีขาวแดง LED และกันชนหลังติดมาให้จากโรงงาน

    Ford

    ส่วน Ford ranger Raptor ก็ไม่ต่างจากเวอร์ชันไทยทั้ง ไฟหน้าใหม่รูปตัว C แบบ Matrix LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime running lights แบบ LED ไฟเลี้ยวแบบไดนามิก ไฟสูงแบบตัดแสงปรับระดับแสงแบบอัตโนมัติ กระจังหน้าสีดำเข้มติดตัวอักษร F-O-R-D ขนาดใหญ่ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง All-Terrain BFGoodrich KO3 High T285/70 R17 ซุ้มล้อสีเทาเข้มที่สะดุดตาช่องลมข้างบังโคลนสีเทาเข้มมีประโยชน์ด้านอากาศพลศาสตร์นอกจากความสวยงาม บันไดข้างดีไซน์ใหม่ทำจากอะลูมิเนียมที่แข็งแรง

    Ford

    ภายในเหมือนเวอร์ชันไทยทุกประการเริ่มที่ Ranger รุ่นปกติทั้งหน้าจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 10.1 หรือ 12 นิ้ว พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC4A® รุ่นล่าสุด FordPass Connect เชื่อมต่อการสื่อสารและความบันเทิง แสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับรถได้อย่างชัดเจน เชื่อมต่อ Apple Car Play ไร้สาย Android Auto และ Bluetooth ลำโพง 6 จุด

    เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา มาตรวัดสีและดิจิทัล ขนาด 8 กับ 12.4 นิ้ว เบาะนั่งคนขับปรับสูงต่ำได้ 6 ทิศทางสำหรับคนขับ และ 4 ทิศทางสำหรับคนนั่ง และปรับด้วยไฟฟ้าคู่หน้า 8 ทิศทาง หุ้มด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ปุ่ม Push Start แท่นชาร์จไฟไร้สาย แต่ไม่มีที่วางแก้วบริเวณใต้ช่องแอร์ในชุดแผงคอนโซลหน้าและช่องแอร์ด้านหลัง

    Ford

    Ford ranger Raptor ขานี้เหมือนเวอร์ชันไทยแน่นอนสำหรับภายในทั้งเบาะที่นั่งแบบสปอร์ตทั้งเบาะหน้าและหลังมอบความสบายและกระชับแม้รถวิ่งด้วยความเร็วบนทางโค้งหุ้มหนังเสริมความหรูหราอีกขั้น ตกแต่งด้วยโทนสีส้ม Code Orange บนแผงหน้าปัด มีไฟส่องสว่าง Ambient Light สีอำพันอบอุ่นภายในห้องโดยสาร พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังเกรดพรีเมียมพร้อมแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัยหรือ On-centre mark กับแป้น Paddle Shift เคลือบแมกนีเซียม

    มาตรวัดดิจิทัลความชัดเจนสูงขนาด 12.4 นิ้ว จอแบบสัมผัสตรงกลางขนาด 12 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อและระบบความบันเทิงผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A® รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน iOS และ Android ระบบเสียง Bang & Olufsen® 10 ตำแหน่ง มอบประสบการณ์เสียงเหนือระดับระหว่างการผจญภัยครั้งใหม่ และระบบ Ford Pass แท่นชาร์จไร้สาย

    FordFordเครื่องยนต์ความแรงต่างจากไทยตรงที่เน้นเบนซินล้วนๆตั้งแต่เบนซินเทอร์โบ EcoBoost ที่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 274 แรงม้าที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิด 420 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบ/นาที กับเบนซินเทอร์โบ 2.7 ลิตร V6 ให้กำลังสูงสุด 319 แรงม้า แรงบิด 542 นิวตันเมตร

    ทั้งสองขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด 10R80 เลือกได้แบบธรรมดาและ e-Shifter เลือกได้ทั้งรุ่นขับสองยกสูงกับขับเคลื่อนสี่ล้อ 4×4 Part-Time พร้อมโหมดการขับขี่ Terrain Management System ที่เลือกได้ถึง 4 โหมดทั้งโหมด Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery ในรุ่น 4×4 เพิ่มมาอีกสองโหมดสำหรับลุยทั้งโหมด Sand และ Mud/Ruts พร้อมดิฟล็อกหลังแบบไฟฟ้า

    Ford

    ส่วนรุ่น Raptor ใหญ่สุดด้วยเบนซินเทอร์โบคู่ EcoBoost V6 รหัส DD2S 3.0 ลิตร แต่ให้มากกว่าไทยถึง 410 แรงม้า แรงบิด 583 นิวตันเมตร ซี่งมากกว่าไทย 397 แรงม้า ที่ 5,650 รอบต่อนาที และแรงบิด 583 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติไฟฟ้า 10 สปีด e-Shifter ตะลุยออฟโรดได้ดียิ่งกว่าเดิม ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full Time 2H, 4H, 4L และ 4A ด้วยเกียร์ทรานสเฟอร์ควบคุมไฟฟ้าใหม่ล่าสุดที่ปรับได้ตามต้องการ ระบบดิฟล็อก 4 ล้อพร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิว ควบคุมเฟืองท้ายคู่หน้าและหลัง แบบ locking differentials

    ตอบโจทย์คอออฟโรดตัวจริงด้วยโหมดการขับขี่ 7 โหมด มีทั้ง โหมดการขับขี่ทางเรียบ On Road ได้แก่ โหมดปกติ Normal, โหมดสปอร์ต Sport, โหมดทางลื่น Slippery โหมดการขับขี่ออฟโรด Off Road มีทั้ง โหมดหิน Rock Crawl, โหมดทราย Sand, โหมดโคลน Mud/Ruts และโหมดบาฮา Baja

    FordFord

    พร้อมระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System – ALS) ส่วนหนึ่งของโหมด BAJA ใน จะรักษาการหมุนของเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ความเร็วสูงต่อไปอีกถึง 3 วินาที มีควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ออฟโรด (Trail Control™) รักษาระยะห่างอัตโนมัติสำหรับการขับขี่ออฟโรด ผู้ขับขี่จะควบคุมการเร่งความเร็วและการเบรก ท่อไอเสียควบคุมไฟฟ้าพร้อมโหมดปรับเสียงให้เลือกได้ถึง 4 โหมด ทั้ง โหมดเงียบ Quiet โหมดปกติ Normal โหมดสปอร์ต Sport และ โหมดบาฮา Baja

    ช่วงล่างออกแบบลุยทุกเส้นทางด้วยปีกนกบนและล่างใหม่ที่ทำจากอะลูมิเนียมที่แข็งแรง พร้อมวัตต์ลิงก์ด้านหลังที่พัฒนามาเพื่อให้เจ้าของรถขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนถนนขรุขระได้อย่างมั่นใจโช้คอัพพิเศษแบบ Live Valve Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ของ FOX สามารถปรับช่วงล่างแบบเรียลไทม์เพื่อประสบการณ์การขับขี่ทางเรียบที่เหนือระดับ ติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถที่มีขนาดใหญ่เกือบ 2 ทำขึ้นจากเหล็กที่มีความแข็งแรงหนา 2.3 มม. เมื่อประกอบเข้ากับแผ่นปิดใต้เครื่องยนต์และชุดเกียร์จึงช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญ อาทิ หม้อน้ำ ระบบบังคับเลี้ยว คานด้านหน้า อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟืองได้ดีเยี่ยม

    ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่มีมาให้เด่น ๆ จะมี ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่รองรับการเตือนส่วนพ่วงท้ายด้วย ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อม Stop & Go และช่วยจอดอัตโนมัติ รองรับการบรรทุกด้านท้ายและการต่อพ่วงด้วย 2 ตัวช่วยอย่าง Pro Trailer Backup Assist และ Trailer Reverse Guidance ซึ่งใช้กล้องเพื่อแสดงภาพโดยรอบ เพื่อแจ้งเตือนและให้คำแนะนำในการควบคุมส่วนพ่วงท้าย

    Ford

    Ford

    Ford Ranger เจนใหม่นี้ประกอบที่โรงงาน Ford Michigan Assembly Plant เมืองเวยน์ ที่อยู่ในเวย์นเคาน์ตี้ รัฐมิชิแกนมีหลายเกรดตั้งแต่รุ่น XL, XLT, Lariat และ Ford Ranger Raptor เปิดรับจองแล้วและขายจริงตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนนี้ ในราคาเริ่มต้น $34,160 หรือราว 1,155,000 บาท ส่วนรุ่น Raptor เริ่มที่ $56,960 หรือราว 1,929,000 บาท

    ที่มา Ford

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts