Mazda CX-5 เปิดตัวในปี 2013 เป็นต้นมากลายเป็นรถเอสยูวีขายดีที่สุดของค่ายซึ่งมียอดขายสะสมทั้งหมด 1,116,107 คัน ลดลง 13 .3 % รวมกัน 2 เจน
แต่เมื่อปีกลาย Mazda CX-5 ทำยอดขายทั่วโลกถึง 365,135 คัน ส่วนอันดับ 2 นั้นเป็น Mazda 3 ที่ทำได้ 173,619 คัน ถึงแม้ยอดขายเอสยูวีของค่ายจะลดลง 4.4% ก็ตาม แต่ยังถือเป็นรถยนต์ขายดีอันดับหนึ่งของค่ายสำหรับ Mazda CX-5
แต่เนื่องจากปัจจุบัน Mazda ได้ขยายกลุ่มรถยนต์เอสยูวีมากขึ้น จนมี Mazda CX-30, Mazda CX-50, Mazda CX-60 และ Mazda CX-90 ที่เปิดตัวไปหมาดๆ ไม่นับรวมถึง Mazda CX-70 กับ Mazda CX-80 ที่จะเปิดตัวตามแผนเร็วๆนี้ อาจทำให้เกิดความซับซ้อนของกลุ่มตลาดจนอาจมีการตัดรุ่นใดรุ่นหนึ่งออกไป
ล่าสุด Mitsuru Wakiie ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ หรือ Product Manager ของทาง Mazda Corporation กล่าวว่าสำหรับ Mazda CX-5 นั้นทางเราเองยังไม่ยืนยันว่าจะขายต่อไปในเจเนอเรชันใหม่ (เจนที่ 3) หรือไม่หลังจากจบเจเนอเรชันนี้
ถึงแม้ยอดขายทั่วโลกสูงก็ตาม แต่อาจเป็นไปได้ว่าเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นเกี่ยวกับการเปิดตัวเอสยูวีหลากรุ่นของ Mazda ที่ปรับตามตลาดของแต่ละภูมิภาค จะเกิดปัญหาแย่งตลาดกันเสียเอง
เท่านั้นยังไม่พอ Mazda 3 เก๋งคอมแพ็คสุดหรูก็เกิดปัญหาขายไม่ค่อยดีในบางประเทศเนื่องจากการมาแทนที่ของรถยนต์เอสยูวีที่มีอรรถประโชน์เหนือกว่า ส่วนรุ่นอื่นๆอย่าง Mazda 2 ที่ปรับโฉมเป็นครั้งที่สองได้ไม่นาน
ส่วน Mazda 6 เจนที่ 3 ที่ขายลากยาวมา 10 ปี อนาคตของเจนใหม่นั้นยังไม่มีความเคลื่อนไหวทั้งนี้จับตาดูแล้วว่า Mazda CX-5 จะไปต่อกับเจเนอเรชันใหม่ หรือ สิ้นสุดในเจเนอเรชันปัจจุบัน และเมืองไทยจะได้รับผลกระทบด้วยหรือไม่ติดตามกันในครั้งต่อไป
ที่มา Motor 1
