หลังจากที่ผู้จัดการทั่วไปหน่วยธุรกิจ MG ให้สัมภาษณ์ว่าปีหน้าและปีถัดไป เราจะเปิดตัวรถใหม่ทั้งรุ่นปัจจุบันและโมเดลใหม่ทั้งแบบสันดาปและไฟฟ้า
ไม่ว่าจะเป็นโมเดลใหม่ของ MG3, MG ZS, รุ่นปรับโฉมของ MG5 Estate หรือ MG ES เวอร์ชันไทย, MG7 และ MG4 Electric รุ่นปรับโฉมและด้วยยอดขายที่โตวันโตคืนในตลาดรถพวงมาลัยขวาทั้งอังกฤษและออสเตรเลียจากเดิมที่เมืองไทยแล้วเตรียมที่จะเผยรถใหม่อีกรุ่นที่เป็นโมเดลใหม่ในร่างเอสยูวีไซซ์กลางท้าชน Toyota RAV4 พวงมาลัยขวาประเดิมขายที่อังกฤษผ่านภาพสิทธิบัตรจากสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาแห่งยุโรป (EUIPO) หรือว่านี่คือเจนใหม่ของ MG HS
เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้สร้างจากแพลตฟอร์ม Modular Scalable ของ SAIC ที่รองรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่และชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 150 kWh ด้วยตัวรถที่ใหญ่และหลังคาเพรียวลงถึงจะเป็นรถทรงกล่องหน้าตาถอดแบบมาจาก MG7 หรูด้วยไฟหน้า LED ทรงสปอร์ตด้านหน้าด้วยช่องระบายอกาาศทรงรังผึ้งขนาดใหญ่ พร้อมโลโก้ MG ติดบนกระจังหน้าทรงทึบประกบไฟหน้า LED ทรงสปอร์ต ด้านข้างกลมกลืนด้วยเส้นสายลงตัว พร้อมกระจกมองข้างทรงสปูน ที่เปิดประตูดึงก้าน ล้ออัลลอยขนาด 18 และ 19 นิ้ว ไฟท้าย LED แนวยาวครอบทับด้วยเส้นแนวนอนนอนและกันชนหลังโดดเด่นมีระดับ
จากข้อมูลเดิมของ MG Marvel R ขายยุโรปบางประเทศที่ทำตลาดพวงมาลัยซ้ายมาสี่ปีด้วยรูปลักษณ์ถูกออกแบบใหม่สไตล์ Evolution Design Language ผสานการดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย แต่ก็ทันสมัย พร้อมเค้าโครงเส้นสายที่ดูล้ำอนาคตมาขึ้นไปอีก ด้วยกระจังหน้าและไฟหน้ารูปทรงตัว C เชื่อมต่อไฟ Daylight พาดยาวที่ด้านหน้ารถ อีกทั้งยังปรับดีไซน์กันชนหน้าให้เป็นรูปตัว X โดดเด่นด้วยไฟส่องสว่างขนาดใหญ่ ซุ้มล้อหน้าออกแบบใหม่ให้รับกับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ มือจับเปิดประตูดีไซน์ให้เหมือนกับรถหรูที่ราบเรียบไปกับตัวรถ
ด้านท้ายออกแบบใหม่ให้ดูโมเดิร์น ชุดไฟท้าย LED ทรงสปอร์ต ที่เชื่อมต่อกันทั้งสองข้างกันชนหลังดีไซน์สปอร์ตมีช่องรีดอากาศทำให้ดูมีมิติ ดูล้ำทันสมัยมากขึ้น ล้ออัลลอย 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/55R18 235/50R18 และขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 235/45R19 เซ็นเซอร์จอดรถ โดยมีมิติตัวถังความยาว 4,674 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,919 มิลลิเมตร ความสูง 1,618 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อที่ 2,800 มิลลิเมตร ซึ่งจัดอยู่ในรถคลาสเดียวกับ Honda CR-V, Mazda CX-5 เป็นต้น
ภายในห้องโดยสารของตกแต่งในโทนสีเข้ม ดูหรูหรา และล้ำสมัย แผงหน้าปัดไมล์จอดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว ตรงกลางแผงแดชบอรฺ์ดติดตั้งหน้าจออินโฟเทนเมนต์ แนวตั้งขนาด 19.4 นิ้ว ที่ควบคุมสั่งการส่วนต่าง ๆ ของรถ และรองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple Carplay และ Android Auto รวมถึงระบบนำทางด้วยดาวเทียม มาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงโดยไม่จำเป็นต้องใช้มือสัมผัสหรือละสายตาจากพื้นถนน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงสปอร์ต D-shape ที่เก็บสัมภาระในรถมีความกว้างมากถึง 357 ลิตร หากพับเบาะลงจะสามารถจุได้ถึง 1,396 ลิตร ส่วนทางใต้ฝากระโปรงหน้ารถยังมีพื้นที่เก็บของได้อีก 150 ลิตร เพราะเป็นรถที่ไม่มีเครื่องยนต์ ใครที่มักขนสัมภาระเยอะๆนี่ ถือว่าคุ้มมากคันนี้
จากความจุแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 70 kWh มีทั้งรุ่น Standard Range มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 410 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 7.9 วินาที วิ่งไกลสุด 402 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน WLTP ขยับมาอีกเป็นรุ่น Long Range ขับเคลื่อนสี่ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว(คู่หน้า 1 ตัว และคู่หลัง 2 ตัว) กำลังสูงสุด 288 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 665 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลา 4.9 วินาที วิ่งไกลสุด 370 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP
ทั้งคู่ทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รองรับระบบ DC ชาร์จกระแสตรง 5-80% ในเวลา 43 นาที และ 30-80% ในเวลา 30 นาที ติดตั้งระบบ V2L (Vehicle-to-Load) สามารถใช้ตัวรถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็น Laptop จักรยานไฟฟ้า หรือแม้กระทั้งชาร์ตรถยนต์พลังไฟฟ้าด้วยกันก็ยังได้ ติดตั้งระบบ MG PILOT ที่เป็นเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะ ประกอบด้วย
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Automatic Emergency Braking)
- เตือนการออกนอกเลน (Lane departure warning system)
- ควบคุมความเร็วตามป้ายจราจรอัตโนมัติ (Speed Assistance System)
- ตรวจจับจุดบอดด้านหลัง (Blind Spot Detection)
- กล้อง 360 องศา (Around View Monitor)
สำหรับเอสยูวีเจเนอเรชันใหม่ที่จะมาแทน MG Marvel R กับ MGHS เจนที่สองเปิดตัวที่อังกฤษในปี 2025 ส่วนทางด้านออสเตรเลียสนใจที่จะนำรุ่นนี้ไปขายโดยมองหาโอกาสที่จะทำความรู้จักกับแฟนๆที่สนใจโดยทีมพีอาร์ของ MG ออสเตรเลียได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อของออสเตรเลียว่ารุ่นใหม่นี้อยู่ในความสนใจของเราและกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้สูงที่จะนำมาขายต่อจากอังกฤษ
ที่มา Carexpert
