ในที่สุด DENZA ค่ายรถหรูเลือกงาน Guangzhou Auto Show 2024 เปิดตัวและเปิดราคาอย่างเป็นทางการสำหรับ DENZA Z9 Sedan
DENZA Z9 Sedan นำพื้นฐานจากรุ่น Z9 GT หั่นตัวรถส่วนหลังออกไปออกแบบให้เป็นซีดานหรูเทียบเท่ายนตกรรมยุโรป
หน้าตาไม่ต่างจากรุ่น Shooting Brake เหมือนกันตั้งแต่ไซน์กันชนหน้าออกแบบมุมซ้าย-ขวาเป็นรูปแนวนอนคาดว่าฝังไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED เน้นความทึบมากขึ้นพร้อมช่องระบายอากาศออกแบบให้ใหญ่ขึ้น ติดตรา DENZA ไว้
ประกบกับไฟหน้า LED สามดวง เติมความโหดขึ้นอีกขั้นและเซนเซอร์ LiDAR ที่กันชนหน้า ด้านข้างสปอร์ตล้ำกับกระจกล้อมกรอบสีดำ ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวรถด้านท้ายมาในแนวซีดานมีความพรีเมียมออกแบบหลังคารถลาดลงและเรียบเนียนขึ้นอีกระดับ
ไฟท้าย LED แนวยาวครอบเส้นโครเมียมแนวนอน พร้อมตราตัวอักษร ขนาดใหญ่รับกับกันชนท้ายชิ้นใหญ่เสริมลิ้นกันชนหลังสีเงินให้ตัวรถดูดีขึ้น สปอยเลอร์หลังแบบปีกเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า electric rear wing เสริมเด่นกับล้ออัลลอยตั้งแต่ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/45R20 และขนาด 21 นิ้ว ที่มียางหลายขนาดตั้งแต่ 255/40R21 และขนาดใหญ่สุด 275/40R21 ตัวรถอาจมีการปรับเปลี่ยนมิติเล็กน้อยตั้งแต่
- ความยาว 5,180 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,990 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,480-1,500 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3,125 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,875 กิโลกรัม
สมสง่าลักชัวรีเทียบชั้นรถยุโรปในแบบ DENZA 2.0 cockpit designสวยสง่าและลักชัวรีกับแผงคอนโซลหน้าดีไซน์ติดตั้งระบบจอด้วยกันถึง 4 จอประกอบด้วยชุดมาตรวัดดิจิทัลแบบ LCD 12.3 นิ้ว จอสัมผัสเชื่อมต่อระบบความบันเทิงขนาดใหญ่แบบลอยตัว 17.3 นิ้ว มีจอสำหรับฝั่งผู้โดยสารขนาด 10.25 นิ้ว
จอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือคอนโซลหน้าหรือ HUD พร้อมจอแสดงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 4 ก้านปาดล่างแบบ flat-bottomed คอนโซลกลางมีหัวคันเกียร์ไฟฟ้าเป็นคริสตัลติดตั้งที่ชาร์จสมาร์ตโฟนชาร์จจุใจถึง 2 เครื่อง กำลังชาร์จ 50 W
เครื่องเสียงจาก DEVIALET พร้อมลำโพง 20 กับ 26 จุด จุดรวมในชุดคอนโซลหน้า ร่วมสร้างความบันเทิงและประสบการณ์ที่น่าจดจำทุกการเดินทางเสริมด้วยแสงไฟเพื่อสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารกว่า 128 เฉดสี
เบาะนั่งหรูแบบ 5 ที่นั่งหุ้มหนัง NAPPA เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง โดยเบาะคู่หน้ามาพร้อมกับ ระบบอุ่นเบาะพร้อมเบาะเย็นและนวด 10 จุดจดจำตำแหน่งการปรับตำแหน่งติดตั้งตู้แช่ความเย็นขนาดเล็กทั้งด้านหน้า 4 ลิตรใส่น้ำขวดได้ 6 ขวดและหลัง 10 ลิตรบรรจุแชมเปญได้ 2 ขวดหรือไวน์ 4 ขวด ซันรูฟขนาดใหญ่ 2.1 ตารางเมตร
ชุดหนังสัมผัสตกแต่งด้วยแผงคอนโซลหน้าแผงประตูด้วยวัสดุระดับพรีเมียม คอนโซลกลางมีหัวคันเกียร์ไฟฟ้าเป็นคริสตัล พร้อมกระจกแต่งหน้าพร้อมไฟส่อง 2 ด้านบนหลังคารถ และโทนการตกแต่ง 2 สีทั้ง สีขาวและสีแดงเบอร์กันดี
ขุมพลังยกมาจากรุ่น Z9 GT ด้วยขุมพลังไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัวขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time ให้กำลังรวมถึง 966 แรงม้า แรงบิดรวม 1,150 นิวตันเมตร ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าหนึ่งตัวให้กำลัง 313 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าหลังสองตัวให้กำลังตัวละ 326 แรงม้า แรงบิดสองตัวตัวละ 360 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP Blade ความจุแบตเตอรี่ 100 kWh
ให้ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.4 วินาที วิ่งไกลสุด 630 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC ชาร์จ 2 รูปแบบทั้งชาร์จกระแสตรง DC 30-80% รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 270 kW ภายใน 19 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC
ยังมีขุมพลัง Plug In Hybrid ด้วยเบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร รหัส BYD479ZQA แรงสุด 207 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตรในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าหนึ่งตัวให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าหลังสองตัวให้กำลังตัวละ 299 แรงม้า แรงบิด สองตัวฝั่งละ 360 นิวตันเมตรพร้อมชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 38.5 kWhจาก BYD Fin Dreams
เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 870 แรงม้า แรงบิด 1,035 นิวตันมตร ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าตามมาตรฐาน WLTC 161 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และชาร์จ 1 ครั้งกับน้ำมัน 1 ถัง วิ่งไกลสุด 1,100 กิโลเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.6 วินาที
ชาร์จ 2 รูปแบบทั้งชาร์จกระแสตรง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 82 kW ภายใน 19 นาที 30-80% และชาร์จกระแสสลับ AC และความปลอดภัยรอบคันด้วยระบบ ADAS ช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบจัดเต็มไม่ว่าจะเป็น
- ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA/ BSD/ RCTA/ DOW)
พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้งระบบป้องกันล้อล็อก ABS กระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution) เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ควบคุมการทรงตัว EPS ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้างหน้า-หลัง ม่านถุงลมนิรภัย หัวเข่ารอบคัน กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ และ สัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง
DENZA Z9 Sedan เปิดขายอย่างเป็นทางการ 5 รุ่นย่อยแบ่งเป็นรุ่น Plug In Hybrid ขับเคลื่อน 4 ล้อ 3 รุ่นเริ่มต้น 334,800-414,800 YUAN หรือราว 1,615,000- 1,999,000 บาท รุ่นอีวีล้วนขับเคลื่อน 4 ล้อ 2 รุ่น เริ่มต้น 354,800-384,800 YUAN หรือราว 1,715,000-1,855,000 บาท
เบื่องต้นเตรียมส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่ธันวาคมนี้และพร้อมส่งไปขายยังต่างประเทศทั้งแบบพวงมาลัยซ้ายกับพวงมาลัยขวา
ที่มา AUTOHOME