ค่ายรถอีวีรุกหนักส่งรุ่นใหม่ตอบโจทย์ชาวไทยเมื่อ AION เตรียมเปิดตัว AION UT ทำให้แต่ละค่ายต่างรับมือกับเต็มรูปแบบโดยเฉพาะ MG อย่าง MG4 Electric
และยังมีอีกหลายๆเจ้าที่ต้องรับมือกับการมาครั้งนี้ของ AION ทั้ง BYD Dolphin น้องโลมาที่กำลังจะมีรุ่นไมเนอร์เชนจ์ กับ ORA Good Cat ที่ยังลดราคาเอาใจสาวก ครั้งนี้ Face2Fcae ต้อนรับเดือนแห่งความรักขอจับน้องใหม่กลุ่มเก๋งท้ายตัดพลังอีวีมาประชันกันทั้ง AION UT และ MG4 Electric รุ่น D มาเทียบกันเริ่มที่
AION UT ดีไซน์คล้ายกับ MINI Cooper จากพื้นฐานแพลตฟอร์มสถาปัตยกรรมแพลตฟอร์มไฟฟ้าบริสุทธิ์ AEP 3.0
ภายนอกหล่อด้วยชุดไฟหน้า LED พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในทรงรูปตัว C คล้ายกับ Angry Birds ชุดกันชนหน้าพร้อมตรา AION มีช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมคางหมูแบบแอคทีฟปิดเพื่อลดแรงต้านลมที่จะเข้ามาพร้อมไฟตัดมหมอกหน้า LED ทรงลูกเต๋า หลังคารถพาโนรามิกซันรูฟ ด้านข้างมาพร้อมกระจกรถทรงโอเปร่าแบบเดียวกับยุโรป โดยกระจกเสา D ใส่กรอบสีเดียวกับตัวรถ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ที่เปิดประตูรถดีไซน์ยกก้านเรียบเนียนกับตัวรถ
ด้านท้ายสวยเสน่ห์ด้วยไฟท้าย LED แนวตั้งรมดำพร้อมไฟเบรกรูปตัวซีฝาท้ายดีไซน์เรียบง่ายติดตรา AION พร้อมกันชนหลังสีเดียวกับตัวรถผสมลิ้นสปอยเลอร์หลังสีดำและล้ออัลลอยให้เลือกตั้งแต่ขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 215/60R16 และขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55R17 ตัวรถพัฒนาจากแพลตฟอร์ม AY2 มีมิติดังนี้
- ความยาว 4,270 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,850 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,575 มิลลิเมตร
- ระยะบานล้อ 2,750 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,510-1,540 กิโลกรัม
ส่วน MG4 Electric รุ่น D หล่อตั้งแต่ออกแบบตัวรถใหม่แบบ AVANT-GARDE INDUCTIVE DESIGN ไฟหน้าดีไซน์หกเหลี่ยม LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX HEADLIGHTS พร้อมไฟ DRL แบบ LED กระจังหน้า ดีไซน์ ‘shark-nosed’ เส้นแนวตั้ง 2 เส้น Fins รวมอยู่ด้วย โดยรวมด้านหน้ามาในแบบรูปตัว X ไฟท้าย LED ลาย CGYNUS SYMBOL DECORATIVE LIGHT
กันชนหลังทรงสปอร์ต ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว พร้อม AERO WHEEL COVER ในรุ่น STANDARD RANGE ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55R17 เพิ่มที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง มาพร้อม Adaptive Grille ที่สามารถปรับองศาให้สอดคล้องกับความเร็วได้ และสปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING
จากแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะสามารถนำไปปรับใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ครอบคลุมหลากหลายเซกเมนต์ หลายขนาด ตั้งแต่รถแฮทช์แบ็ค ซีดานไปจนถึงรถกระบะ รวมถึงรองรับแบตเตอรี่หลากหลายความจุตั้งแต่
- ความยาว 4,287 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,836 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,516 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,705 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,650 กิโลกรัม
ด้านมิติตัวรถเมื่อเทียบกันแล้วพบว่า AION UT ได้เปรียบเทียบเกือบทุกด้านโดยกว้างกว่า MG4 14 มิลลิเมตร สูงกว่า MG4 59 มิลลิเมตร ฐานล้อยาวกว่า MG4 45 มิลลิเมตร แต่ความยาวสั้นกว่า MG4 17 มิลลิเมตร และน้ำหนักรถเบากว่า MG 140 กิโลกรัม
AION UT ให้ภายในให้ออปชันครบครันเช่นเบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบนวด เบาะนั่งด้านหลังกว้างสบายช่วยให้ผู้โดยสารด้านหลังสามารถหาตำแหน่งการนั่งที่เหมาะสมกับบุคลิกและสะดวกสบายมากที่สุดและยังพับเก็บได้แบบ 60/40 มีพื้นที่พับเบาะมากถึง 1,600 ลิตรส่วนตอนไม่พับเบาะมีพื้นที่ 440 ลิตร พร้อมไฟสร้างบรรยากาศภายใน Ambient Light
เพลินกับการเดินทางด้วยลำโพงคุณภาพคอนโซลหน้าทรงหรู จอกลางขนาดใหญ่พร้อมระบบปฏิบัติการ GAC’s ADiGO 5.0 ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ 3 ระบบได้แก่ HiCar, CarLink และ CarPlay สั่งงานด้วยเสียงของระบบ AI มาตรวัดดิจิทัลขนาดเล็ก 8.8 นิ้ว พร้อมผู้ช่วย AI สั่งการทำงานด้วยเสียงควบคุมระบบนำทาง ตำแหน่งเบาะนั่งและระบบปรับอากาศ
ทางด้าน MG4 รุ่น D ภายในเรียบง่ายมีสไตล์เน้นการใช้งานที่สะดวกตั้งแต่ คอนโซลกลาง FLOATED CENTRAL CONTROL PLATFORM ดีไซน์เรียบง่ายติดตั้ง อุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless charger) พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทางมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ–วางสายโทรศัพท์ กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Dual Screen แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) หน้าจอสีระบบสัมผัสรองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดียแบบไร้สายจากสมาร์ทโฟนระบบ Apple CarPlay และ Android Auto
พร้อมลำโพง 6 จุด ช่องเชื่อมต่อ USB TYPE A และ C ช่องจ่ายไฟ Power Outlet 12V เย็นสบายด้วยระบบปรับอากาศดิจิตอล พร้อมกรองอากาศ PM2.5
เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง ปรับ 60:40 โหมด Intelligent Smart Access เมื่อผู้ขับขี่อยู่ในตำแหน่งคนขับเพียงเหยียบเบรกระบบการทำงานของรถจะสตาร์ทอัตโนมัติ โดยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานกับ ช่องวางแก้วด้านข้างประตู
พร้อมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART ยกระดับคุณค่าและประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็น ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ (Smart Check) ที่ครอบคลุมระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่และการชาร์จ ไปจนถึงการค้นหาสถานีชาร์จ โดยล่าสุดได้เปิดตัวฟีเจอร์ BATTERY DOCTOR บนแอพพลิเคชั่น MG THAILAND บันทึกและวิเคราะห์ พฤติกรรมการใช้งาน พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งาน ท้ายที่สุด ยังช่วยให้การเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ง่ายยิ่งขึ้นด้วยระบบสั่งการอัจฉริยะ (Smart Command) และ ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Smart Connect)
เพิ่มราวมือจับสำหรับผู้นั่งโดยสาร (Assist Grip) 3 ตำแหน่ง และจอสัมผัสขนาดใหม่ 12 นิ้ว จากเดิม 10.25 นิ้ว รวมถึงภายในมาในโทนสีดำ
AION UT มาพร้อมขุมพลังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า รหัส TZ160XYD3A02 ที่ให้กำลังถึง 136 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟส ผลิตโดย Inpai Battery Technology ขนาดความจุแบตเตอรี่ 44 kWh แบบ LFP และระยะทางวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 420 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 405 กิโลเมตร (NEDC) ชาร์จเร็ว DC 30-80% ภายใน 24 นาที และยังชาร์จช้า AC ได้ สำหรับ สเปกไทยอาจเพิ่มกำลังเพิ่มระยะทางสูงสุด 500 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC
มีโหมดการขับขี่ทั้ง Economy/Standard/Sport รวมถึงฟังก์ชัน V2L ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้สะดวกง่ายดายด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 3.3kW
ด้าน MG4 รุ่น D เป็นมอเตอรไฟฟ้าเดี่ยว Permanent Magnet Synchronous Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,000-3,500 รอบต่อนาที จากความจุแบตเตอรี่ 49 kWh (เดิม 51 kWh) วิ่งไกลสุด 423 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (เดิม 425 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง)
ระบบการชาร์จ 2 รูปแบบ รองรับทั้งแบบ ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge DC กระแสตรงชาร์จไฟฟ้าจาก 10%-80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที รองรับการชาร์จสูงสุด 88 kWh ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge AC กระแสสลับ ผ่าน MG HOME CHARGER 0%–100% ใช้เวลาประมาณ 8.30 ชั่วโมง รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW
มาพร้อมโหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT, CUSTOM และ SNOW คู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ช่วยชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ในขณะชะลอรถ 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่ (ADAPTIVE)
ชุดแบตเตอรี่มาพร้อมเทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY จัดเรียงเซลล์แบบแนวนอน ระบายความร้อนได้เป็นอย่างดีด้วยระบบ LIQUID COOLING SYSTEM ตามมาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น ง่าย สะดวกสบาย รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
ควบคุมที่มั่นใจกับพวงมาลัย DUAL PINION ควบคุมด้วยไฟฟ้าให้รัศมีวงเลี้ยว 5.3 เมตรการกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ควบคู่กับการออกแบบลักษณะ Low Centre of Gravity ที่ให้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำมากเพียง 490 มม. ความสนุกสนานในการขับขี่ ทั้งอัตราเร่งที่ทันใจ พวงมาลัยที่ตอนสนองฉับไวเข้าโค้ง มั่นใจด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบอิสระ 5-Link Suspension
ความปลอดภัยมาตรฐาน Advanced Synchronized Protection System ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking) เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) ตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และ ม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 จุด ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (Follow Me Home) ควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ป้องกันล้อหมุนฟรีกับควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist) สัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) และ กล้องมองภาพด้านหลัง พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
ด้านความปลอดภัยทาง AION ยังไม่มีการแจ้งแต่อย่างใดสำหรับ AION UT จะเปิดตัวและราคาขายที่เมืองจีนช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนไทยอาจเป็นที่แรกของโลกเวอร์ชันพวงมาลัยขวาจะเปิดตัวที่งาน Motor Show 2025 ปลายเดือนมีนาคมนี้ มีสีภายนอกทั้งหมด 6 สี ทั้งแบบโมโนโทนและทูโทน คาดว่าราคาจำหน่ายจะเริ่มต้น 600,000-700,000 บาท
ส่วน MG4 Electric รุ่น D มีรถพร้อมส่งและเป็นรถประกอบไทยมีสีภายนอกทั้งหมด 4 สี ทั้งสีส้ม (Fizzy Orange) สีขาว (Arctic White) สีเทา (Andes Grey) สีดำ (Black Knight) ในราคา 709,900 บาท