More

    GWM TANK 500 Diesel พลังใหม่ดีเซล 2.4 คาดค่าตัวเริ่ม 1.4 ล้านบาท

    พีพีวีรุ่นที่ 2 ของค่าย GWM TANK มาพร้อมพลังใหม่ ดีเซล 2.4 ลิตรเปิดตัวไทยที่แรกของโลกกับ GWM TANK 500 Diesel

    GWM

    GWM TANK 500 Diesel พีพีวีรุ่นใหญ่พร้อมรูปทรงทรงพลังบึกบึน แกร่ง เรียบง่ายและหรูหราเป็นเอกลักษณ์ ตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ ที่สุดของความสบายเหนือระดับด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวก ที่สุดของความปลอดภัยสร้างความมั่นใจให้ในทุกเส้นทาง เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อธุรกิจ การเดินทางกับครอบครัว หรือทริปผจญภัย 

    หน้าตาไม่ต่างจากรุ่น HEV เริ่มที่ด้านหน้าเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ที่ลงตัวรับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรงไฟหน้า Intelligent LED ดีไซน์โดดเด่นด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติและฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) พร้อม Daytime Running Light ไฟตัดหมอกหน้า LED

    ด้านข้างตกแต่งหรูด้วยกรอบโครเมียมที่กระจก กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ปรับ-พับด้วยระบบไฟฟ้า ที่เปิดประตูแบบดึงก้าน บันไดข้างเป็นแบบขึ้นรูปแบบตายตัวจากเดิมจะเป็นบันไดข้างไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตูหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ เปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ราวหลังคา เสาอากาศแบบ shark fin

    ด้านหลังมาพร้อมประตูท้ายเปิดบานเดียวใหญ่แบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้าช่วยผ่อนแรง พร้อมกล้องมองหลัง ไฟท้าย Vertical LED ดีไซน์แนวตั้ง มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED ให้ความสว่างชัดเจนเพื่อความปลอดภัยและสปอยเลอร์ท้าย ซึ่งช่วยในเรื่องแอร์โรไดนามิค ยางอะไหล่ย้ายตำแหน่งไปที่ใต้ท้องรถเพื่อให้สะดวกกับการเปิดประตูหลังและการจอดในพื้นที่จำกัด ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 แบบ Westlake ในรุ่น Pro และขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง Continental ขนาด 265/50 R20 ในรุ่น Ultra และ Ultra 4WD

    มิติตัวรถขนาดกว้างขวาง ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ ใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน พัฒนาบนโครงสร้างแชสซีแบบตัวถังวางบนเฟรม (Body-on-Frame) ที่ออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับรถยนต์ในตระกูล GWM TANK มอบความแข็งแกร่งเหนือระดับ มิติตัวรถตั้งแต่

    • ความยาว 4,886 มิลลิเมตร (ลดลง 192 มิลลิเมตร)
    • ความกว้าง 1,934 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,905 มิลลิเมตร
    • ระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร
    • ระยะต่ำสุดจากพื้น 224 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถ 2,585-2,635 กิโลกรัม
    • ความจุถังน้ำมัน 78 ลิตร (เพิ่มจากเดิม 3 ลิตร)

    GWMภายในหรูหรากว้างสะดวกสบายใส่ใจในทุกรายละเอียดด้วยการเชื่อมต่อของหน้าจอทั้ง 3 ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและปลอดภัย หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้วในรุ่น Pro และขนาด 14.6 นิ้ว ในรุ่น Ultra รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay Android Auto MP5 Bluetooth ระบบนำทาง แสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่พร้อมมาตรวัดดิจิทัล TFT (TFT Digital Driving Display) ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า ลำโพงจาก Infinity มาเป็นแบรนด์ Amor จำนวน 12 ลำโพง ระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถในรุ่น Ultra และ Ultra 4WD กับ 8 จุดในรุ่น Pro

    พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับได้แบบ 4 ทิศทางปรับด้วยระบบธรรมดาจากเดิมเป็นปรับไฟฟ้า ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ที่พวงมาลัย ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient Light พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสีและเป็นจังหวะช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้คุณเพลิดเพลิน นาฬิกาแบบคลาสสิกเพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้อย่างลงตัว เปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากรถ ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหากุญแจ

    ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา-หลัง รวม 3 โซน พร้อมระบบกรองอากาศ N95 ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย 50W พร้อมพอร์ต Type-A/C ด้านหน้า และ Type-A ด้านหลัง รองรับการชาร์จอุปกรณ์หลายชิ้นอย่างรวดเร็ว ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว

    GWMเบาะนั่งทั้ง 7 ที่นั่งหุ้มหนัง NAPPA ปรับไฟฟ้าคู่หน้าพร้อมระบบเบาะนวดและดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และ Welcome Seat เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 ปรับการใส่วัสดุโฟม เพื่อเพิ่มความนุ่มสบายในการนั่งให้มากยิ่งขึ้น พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศอีกระดับของความสบายด้วยที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

    GWMเบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 พร้อมพนักพิงปรับด้วยมือไม่พับไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกด้วยตำแหน่งปรับพนักพิงบริเวณข้างประตูผู้โดยสารแถวที่ 2 และประตูท้าย พื้นที่ห้องโดยสารมีที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเรียบแบบ 50:50 รองรับปริมาณสัมภาระสูงสุด 795 ลิตร ช่วยเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ เพิ่ม ระบบเบาะระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและแถวสอง เพื่อยกระดับความสบายของผู้โดยสารด้านหลังมากยิ่งขึ้น พร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุสี Black, Silver, Piano Black, Chrome โทนสีภายในสีดำ

    ยังจัดเต็มไปด้วยฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions) ยกระดับประสบการณ์การใช้งานของผู้ขับขี่อย่างครบวงจรในทุกมิติ แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยียนตกรรมไม่ว่าจะเป็น การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) Firmware Over-the-Air การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) ควบคุมรถจากระยะไกล (Remote Vehicle Control) และความปลอดภัย

    GWM

    พร้อมอินเทอร์เฟซผู้ใช้งาน (HMI Interaction) ในรุ่น Ultra และ Ultra 4WD จอคู่แบบอินเทอร์แอคทีฟ แสดงแผนที่แบบแบ่งหน้าจอ, การมิเรอร์สื่อมัลติมีเดีย, และข้อมูลโหมดออฟโรด พิเศษในรุ่น Ultra 4WD หน้าจอ UI แสดงค่าความลาดเอียงภูมิประเทศ สถานะการล็อกดิฟเฟอเรนเชียล และโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อแบบเรียลไทม์ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลุยเส้นทางสมบุกสมบัน

    การควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ผ่าน GWM Application แม้ในขณะผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ เช่น การควบคุมระบบปรับอากาศ การล็อกและปลดล็อกประตู การค้นหารถยนต์ การปิดหน้าต่าง การปิดซันรูฟ การควบคุมระบบระบายความร้อนของเบาะ การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และระบบตรวจสอบสถานะอื่นๆ

    GWM

    ขุมพลังใหม่กับดีเซลเทอร์โบแปรผันขนาด 2.4 ลิตร 4 สูบในรหัส GW4D24 (E24D) ให้กำลังถึง 184 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที มาพร้อมกับเทคโนโลยีเทอร์โบแปรผัน (VGT) ที่มีแรงดันสูงถึง 2,000 บาร์ ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ท่อร่วมไอดีแบบคู่ที่ฝาสูบระบบอิเล็กทรอนิกส์ Exhaust Gas Recirculation (ECR) และระบบปั้มน้ำมันเครื่องแบบแปรผัน ทำให้เครื่องยนต์สร้างพละกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ยิ่งขี้น ช่วยลดการปล่อยไอเสีย NOx

    GWMจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Electronic Shifter มีช่วงอัตราทดเกียร์ที่กว้างถึง 8.843 ทำให้รถสามารถเปลี่ยนเป็นเกียร์ 9 ได้ที่ความเร็วเพียง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time 8 โหมดการขับขี่ได้แก่ โหมด 2H, โหมด 4H, โหมด 4L, โหมดพื้นหิมะ, โหมดพื้นโคลน, โหมดพื้นทราย, โหมดพื้นหิน และโหมดผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับทุกสภาพเส้นทางทั้งบนถนนและออฟโรดอย่างมั่นใจ (เดิม 11 โหมด AWD) ครั้งแรกของโลกกับการเพิ่มรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมดทั้ง โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด

    GWM

    มาพร้อมพร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าแปรผันตามความเร็ว ช่วยผ่อนแรงได้ 3 ระดับ (เบา/สบาย/สปอร์ต) ระบบสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ (Double-Wishbone) ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ มอบความแม่นยำในการควบคุมทิศทางช่วยสร้างสมดุลระหว่างสมรรถนะการควบคุมและความนุ่มนวลในการขับขี่อย่างลงตัว สามารถลุยน้ำที่ระดับความลึก 800 มิลลิเมตร เพรียบพร้อมไปด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดอันชาญฉลาดและล้ำสมัย ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น

    • ล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Front and Rear Differential Lock) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อนอื่น ๆ ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม
    • ช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road (Offroad Cruise Control) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติให้รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำและความเร็วสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้ขับขี่ไม่เสียสมาธิและเพิ่มความปลอดภัยจากการควบคุมรถบนสภาพถนนที่ซับซ้อน
    • ตรวจจับความลึกของน้ำ (Wading Depth Detection) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะประเมินความลึกของระดับน้ำและแสดงผลของระดับน้ำประกอบภาพรถบนหน้าจอกลาง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เมื่อขับผ่านสภาพถนนที่มีน้ำท่วมขัง
    • แสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะจดจำข้อมูลของพื้นที่รอบเส้นทางการขับขี่ของกล้องรอบตัวรถและสร้างภาพเสมือนแบบ 360 องศา จากมุมมองด้านบนของตัวรถ ในลักษณะแบบโปร่งใสเห็นพื้นผิวถนนด้านล่าง และแสดงภาพด้านหน้าของรถ ช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบถึงสภาพถนนใต้ท้องรถ เพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น

    GWM

    ยิ่งไปกว่านั้นมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยด้วยการขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+ (Level L2+ Automated Driving) มีมากมาย ให้ทุกการเดินทางปลอดภัยไร้กังวล ได้แก่

    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Full-speed Range ACC) รองรับความเร็ว 0-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    • เตือนการชนด้านหน้า (FCW) Forward Collision Warning
    • ช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (LKA) Lane Keeping Assist
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) Traffic Jam Assist
    • ควบคุมอัจฉริยะบนทางด่วน (HWA) Highway Assist
    • ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) Lane Departure Warning
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) Emergency Lane Keeping
    • ช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (MEB) Mild Off-Road Braking
    • ช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) Rear Cross-Traffic Alert (เฉพาะรุ่น Ultra และ Ultra 4WD)
    • ช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) Rear Cross-Traffic Braking (เฉพาะรุ่น Ultra และ Ultra 4WD)
    • ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA) Lane Change Assist (เฉพาะรุ่น Ultra และ Ultra 4WD)
    • ช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP)
    • ช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA)
    • กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 540 องศา แสดงภาพรอบคันแบบเรียลไทม์ เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่และจอดรถ
    • เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI)
    • ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
    • ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
    • ช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM)

    GWM

    ช่วยลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) ช่วยออกตัวบนทางชัน HSA (Hill Start Assist) กระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) เสริมแรงเบรกอัตโนมัติเมื่อผู้ขับเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน BAS (Brake Assist System) ป้องกันการพลิกคว่ำ RMI (Roll Movement Intervention) ควบคุมการลื่่นไถล TCS (Traction Control System) เซนเซอร์จอดด้านหน้า 6 จุด / ด้านหลัง 6 จุด ตรวจความดันลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitoring System) ช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) ไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกระทันหัน ESS ถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด

    ด้วยโครงสร้างโดยรวมของตลาดรถยนต์ในประเทศไทยที่มีสัดส่วนรถยนต์สันดาปภายในและรถยนต์พลังงานใหม่โดยเฉลี่ย 50:50 ของค่าย GWM และ GWM TANK 500 Diesel เป็นความหวังรุ่นที่ 2 ที่จะมาสานต่อความสำเร็จประกอบในไทยที่โรงงาน Great Wall Motor Manufacturing (Thailand) อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง มีสีภายนอก 3 สี สีขาว Hamilton White สีดำ Sun Black และสีเทา Crystal Gray มาพร้อม 5 รุ่นย่อย โดยเปิดราคาจำหน่ายเร็วๆนี้คาดค่าตัวเริ่มต้น 1,429,000-1,799,000 บาททั้ง

    • รุ่น 2.4T PRO
    • รุ่น 2.4T ULTRA
    • รุ่น 2.4T ULTRA 4WD
    • รุ่น 2.4T ULTRA Black Warrior
    • รุ่น 2.4T ULTRA 4WD Black Warrior

     

     

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts