More

    รีวิว! BMW iX3 แรงติดเบาะเร้าใจติดเท้ากับเอสยูวีหรูพลังไฟฟ้า

    เป็นครั้งแรกของรถยนต์เอสยูวีพรีเมียมที่มีทางเลือกที่มากกว่าหนึ่งตั้งแต่สันดาปล้วน สันดาปลูกผสมและไฟฟ้าซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก BMW X3 Series

    BMW

    หลังจากรีวิวทดสอบขับ BMW X3 LCI รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลไปแล้วมาคราวนี้ก็มาถึงอีกหนึ่งรุ่นใน BMW X3 Series เจเนอเรชันที่ 3 ออกแบบพัฒนาให้กลายเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าสมบูรณ์แบบและทุกวันนี้ BMW X3 Series มีจำหน่ายด้วยกันสามรุ่นย่อยทั้งรุ่นเสียบปลั๊ก X3 xDrive 30e M Sport, X3 xDrive 20d M Sport เครื่องยนต์ดีเซล และ iX3 M Sport ไฟฟ้าล้วนที่นำมารีวิวทดสอบขับในครั้งนี้

    Design & Exterior

    BMW

    BMW iX3 M Sport มาในรหัส G08 นำพื้นฐานทั้งหมดของ BMW X3 รหัส G01 ดัดแปลงเปลี่ยนขุมพลังมาเป็นไฟฟ้าล้วน หน้าตาของคันนี้เหมือนรุ่น X3 LCI ตั้งแต่กระจังหน้าทรงไตคู่ใหญ่กว่าเดิมในกรอบมาในแบบปิดทึบสีดำล้อมกรอบสีเงินด้าน ซึ่งในกรอบมีกล้องมองภาพด้านหน้าซ่อนไว้ กันชนหน้าทรงสปอร์ตใหม่ที่ครั้งนี้ไม่มีไฟตัดหมอกหน้า LED รวมถึงช่องระบายอากาศออกแบบใหม่แบบสีดำเงา สไตล์ M Aerodynamics ไฟหน้าปรับตามทิศทางการหมุนของพวงมาลัยหรือ Adaptive LED ซ่อนไฟ Daytime LED รูปตัว C  ในโคมเดียวกัน มิติของไฟหน้าที่ราบลงประมาณ 10 มิลลิเมตร และยังปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติหรือ Auto High Beam บนฝากระโปรงประดับโลโก้ตราใบพัดฟ้าขาวขอบสีฟ้าซึ่งบ่งบอกว่ารุ่นนี้คือพลังไฟฟ้า

    BMW

    ด้านข้างเอกลักษณ์เดิมด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics ไม่ว่าจะเป็นขอบหน้าต่างสีดำเงา ราวหลังคาสีดำเงา กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวที่สามารถปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าซ่อนกล้องมองภาพสองข้าง สเกริ์ตข้างออกแบบล้ำสปอร์ตแถมยังมีไฟส่องพื้นสว่างๆในยามค่ำคืนอีกด้วย ล้ออัลลอยออกแบบเฉพาะรุ่น iX3 แบบ M Aerodynamic สลับสี 20 นิ้ว แบบ 8JX20 สำหรับล้อหน้า และ 9.5JX20 สำหรับล้อหลัง ยางติดรถ ยางหน้ากับยางหลังคนละแบบกัน โดยยางหน้ามาในแบบ245/45 R20 และยางหลัง 275/40 R20 เป็นยาง Runflat ของ Yokohama ADVAN Sport V107 ส่วนช่องเติมน้ำมันในฝั่งขวามือเปลี่ยนเป็นช่องเสียบชาร์จไฟฟ้าแบบ CCS2 แถมสามารถชาร์จได้เฉพาะหัว AC ต่างหาก

    BMWด้านท้าย โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยขอบสีดำล้อมรอบส่งให้ไฟท้าย LED สะดุดตา มาในทรงสามมิติที่บางขึ้น และไฟเลี้ยวแนวนอนในลายเส้นแบบ Filigree พร้อมกล้องมองหลังกับโลโก้ตราใบพัดฟ้าขาวขอบสีฟ้า กันชนหลังใหม่ดีไซน์เฉพาะพร้อมลิ้นเสริมกันชนหลังหรือ Diffuser ปิดทึบไม่มีท่อไอสียแล้วเพิ่มความสปอร์ตไปในตัว และระบบ Comfort access แค่แกว่งปลายเท้าไปที่ใต้กันชนหลังเซนเซอร์คอยจับสัญญาณการแหย่เท้าไว้ เพียงแต่ว่าขอให้ตัวกุญแจรีโมทอยู่กับตัว ฝากระโปรงท้ายจะเปิดด้วยระบบไฟฟ้าทันทีระบบนี้เอาอกเอาใจสาวๆนักซ็อป Sale ลดแหลกเป็นอาจิณ

    BMW

    ถึงหน้าตาทุกอย่างเหมือน BMW X3 แต่ปรับตัวตนให้เป็นอสยูวีพลังไฟฟ้ามิติตัวรถมีการปลี่ยนแปลงด้วยเริ่มที่ ความยาว 4,734 มม. ความกว้าง 1,891มม. ความสูง 1,668 มม. ระยะฐานล้อ 2,864 มม. น้ำหนักรถ 2,260 กก. ความสูงจากใต้ท้องรถ 179 มม. ตัวรถสร้างจากแพลตฟอร์ม CLAR platform ที่เป็นการผสมทั้งอลูมีเนียม แมกนีเซียม คาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อให้ตัวถังน้ำหนักลดลง

    Interior & Convenience

    BMW

    ภายในคล้ายกับ BMW X3 ทุกประการอาจทำให้ดูธรรมดาไม่โดดเด่น ตั้งแต่คอนโซลหน้าดีไซน์คุ้นเคยแต่มีการปรับปรุงใหม่ดีไซน์ใหม่และหุ้มหนังสัมผัส Sensatec ตกแต่งแบบอะลูมิเนียมลายดำเข้ม Rhombicle Dark พร้อมแถบโครเมี่ยมสีเงินที่ช่องแอร์ซ้าย-ขวา และกรอบแอร์ตรงคอนโซลกลาง มาตรวัดสี Control Display 12.3 นิ้ว อ่านง่ายกว่ามาตรวัดเดิมพร้อมจอกราฟิกแบ่งสีตามโหมดการขับขี่ได้ถึง 4 โหมด ภายในจอมาตรวัดแสดงแผนที่ ข้อมูลตัวรถรวมถึงข้อมูลการชาร์จ ฯลฯ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงเดิมหุ้มหนังแบบ M Sport โลโก้ BMW ขลิบสีฟ้า ในพวงมาลัยมีปุ่มมัลติฟังก์ชันออกแบบใหม่ ทั้งปุ่ม Cruise Control ซ้ายมือและขวามือปุ่มปรับการทำงานของมาตรวัดและคำสั่งเสียงและขอบปุ่มพวงมาลัยมีขลิบสีฟ้าด้วยแต่ไร้ Paddle Shift คอนโซลกลางออกแบบเหมือนกับรุ่น X3 ด้วยจอสัมผัสทัชสกรีนขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว แบบลอยตัวเชื่อมต่อไร้สายกับสมาร์ตโฟนได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านแอป Apple CarPlay ควบคุมด้วยระบบปฏิบัติการล่าสุด BMW Operating System 7.0 เทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่อ BMW ConnectedDrive ระบบการสั่งการด้วยเสียงพร้อม BMW Gesture Control ด้วยการเคลื่อนไหวผ่านนิ้วมือ โดยไม่ต้องมีการสัมผัสแต่อย่างใด ที่ครั้งนี้ทำงานฉับไวขึ้น พิเศษเมื่อเป็นรถไฟฟ้าก็ต้องมีหน้าจอแสดงผลการทำงานของแบตเตอรี่ทั้งเปอร์เซ็นต์การใช้งาน ระยะทางที่ขับขี่ได้ ถ้าปิดแอร์ระยะการขับขี่จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 15-25 กม. วางแผนการชาร์จด้วยการตั้งเวลาว่าจะชาร์จกี่โมงเลือกระดับเป้าหมายการชาร์จว่าจะชาร์จเต็ม 100 % หรือไม่ และการตั้งค่าชาร์จช้า AC สามารถจำกัดกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด 32 A ได้ ลำโพง Harman Kardon ให้คุณภาพเสียงอยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว ช่องแอร์ขอบสีเงินแนวนอน พร้อมปุ่มการทำงานปุ่มไฟฉุกเฉินกับอีกปุ่มตัวรถวงกลมสีเขียวคือปุ่มควบคุมการทำงานของระบบความปลอดภัยอัจฉริยะซึ่งสามารถเปิดการทำงานทั้งหมดหรือเปิดบางระบบหรือปิดการทำงานได้เพียงแค่กดปุ่มนั้น

    BMW

    BMW

    เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน ทั้งซ้าย-ขวาด้านหน้าและด้านหลัง ให้ความเย็นสบายตลอดการเดินทาง พร้อมปุ่มการทำงานเครื่องเสียง ถัดลงมาเป็นช่องใส่แก้วน้ำที่มีตรา iX3 แถมมีชาร์จไร้สายแบบ Wireless Charging คอนโซลเกียร์ออกแบบจับกระชับด้วยก้านเกียร์ที่เล็กลงสีดำเงาผสมขลิบสีฟ้า ออกแบบสิ่งต่างๆรอบๆคอนโซลเกียร์ใหม่หมดด้วยปุ่มระบบ iDrive ขนาดใหญ่ขึ้นตกแต่งปุ่มต่างๆแบบสีดำด้านและสีเงินและยังย้ายปุ่ม Push Start สีฟ้า มาที่ตรงคอนโซลเกียร์ ปุ่มโหมดการทำงาน 4 โหมดทั้ง Comfort, ECO, PRO และ Sport เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ปุ่มปิดการทำงานเซ็นเซอร์จอด ที่ท้าวแขนหุ้มหนังสีดำเดินด้ายสีฟ้า วางแขนสบายๆไม่เมื่อยล้า แถมยังมีจอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือแผงคอนโซลหน้าหรือที่เรียกว่า BMW Head-Up Display ติดมาให้

    BMW

    เบาะนั่งตอนหน้าดีไซน์สปอร์ตหุ้มด้วยวัสดุหนัง ‘Vernasca’ เหมือนรุ่น X3 โดยสีของเบาะนั้นเป็นแบบสีน้ำตาลอ่อนเดินด้ายสีฟ้าแต่ไม่มีตราโลโก้ BMW M สามสีทั้งแดง น้ำเงิน ฟ้า แบบสี Mocha decor stitching | Black กับภายนอกรถสีเทาเข้ม Sophisto Grey ส่วนสีอื่นที่ใช้สีเบาะนี้จะมีทั้งสีดำ Carbon Black สีขาว Mineral White ส่วนสีเบาะสีดำอ่อนแถมเดินด้ายสีฟ้ากับตราโลโก้ BMW M สามสีทั้งแดง น้ำเงิน ฟ้า แบบ Black/contrast stitching blue (BK) นั้นสีภายนอกรถแบบสีน้ำเงินเข้ม Phytonic Blue และสีแดง Piemont Red ดีไซน์ของเบาะนั่งยังคงเดิมแนวสปอร์ตโอบกระชับได้ดี ขับขี่ได้สบายพอดีตัว หมองรองศีรษะค่อนข้างดันหัวไปนิด แต่ก็ไม่อึดอัด เบาะหลังตอนสองสบายนั่งแล้วยังมีพื้นที่ช่วงขาเหลือ ส่วนหมอนรองศีรษะด้านหลังปรับระดับองศาได้เล็กน้อย เบาะไม่ชันเกินไปและยังพับเก็บได้แบบ 40:20:40 ทำให้พื้นที่สัมภาระท้ายมีขนาดลดลงจากเดิม 550-1,600 ลิตร มาเป็น 510-1,560 ลิตร แทน  ขนของกันอย่างจุใจเลยทีเดียวและยังมีม่านปิดสัมภาระท้ายให้ มีไฟเพิ่มบรรยากาศภายในห้องโดยสาร Ambient Light เลือกสีตามต้องการถึง 6 สี ได้แก่ สีขาว, สีฟ้า, สีส้ม, สีบรอนซ์, สีม่วงอ่อนและสีเขียว สร้างความอบอุ่นยามขับรถตอนกลางคืน แต่ว่าไม่มีม่านบังแดดประตูคู่หลังสำหรับตอนสอง กันแสงแดดได้อย่างเต็มรูปแบบ หลังคากระจกแบบพาโนรามาซันรูฟบานใหญ่เลื่อนเปิด-ปิด หรือ ยกขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า สคัพเพลตโลโก้ M บ่งบอกความเท่ แต่กุญแจรีโมทเปลี่ยนมาเป็นธรรมดาทั่วไปไม่ใช่แบบกุญแจรีโมทหน้าจอสัมผัส Digital Key ที่เคยสั่งการทำงานเครื่องปรับอากาศ แสดงสถานะต่างๆ ของรถ จนเรียกว่ามันคือสมาร์ตโฟนในร่างกุญแจรีโมท

    Engine & Transmission

    BMW

    เมื่อเปิดฝากระโปรงมาก็จะพบห้องเครื่องที่มีแผ่นพลาสติกดีไซน์สวยครอบทับเกือบเต็มพร้อมตรา BMW I หมายถึงว่าคันนี้ติดตั้งขุมพลังไฟฟ้า แทนเครื่องยนต์สันดาปโดยขุมพลังไฟฟ้านั้นมีความจุแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง 80 kWh (สามารถนำมาใช้งานได้สูงสุด 74 kWh) เป็นแบตเตอรี่แบบลิเทียม-ไอออน (Lithium-ion) ที่มีแรงดันแบตเตอรี่ 345 V พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า Synchronous Electric Motor 1 ตัว ขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งพละกำลังสูงสุด 286 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed with fixed ratio ตั้งแต่เกียร์ P, R, N, D และ  B สำหรับหน่วงความเร็ว ชะลอรถจนกระทั่งรถจอดสนิท คือการทำงานคล้ายกับ One-Paddle

    โดยการชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งไกลสุดได้ถึง 460 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP และ 470 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC โดยข้อมูลจากโรงงานโลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองนั้นได้ 5.12 กม./kWh ตามมาตรฐาน WLTP และ 4.95 กม./kWh ตามมาตรฐาน NEDC

    Handling & Ride

    BMWBMW

    รถไฟฟ้าในร่างเอสยูวีคันนี้สร้างความประหลาดใจในการขับขี่เป็นอย่างมากให้ความสนุกสนานโดยเมื่อกดคันเร่งไม่ว่าจะกดเบาหรือกดหนักเพื่อเค้นกำลังยังให้ความเร้าใจ ความสนุกเหมือนขับรถเครื่องยนต์สันดาปแม้กระทั่งพี่น้องร่วมชายคาอย่าง BMW X3 เครื่องยนต์ดีเซลหรือ Plug In Hybrid เรียกว่ากดเป็นมา กดเป็นมาแรงได้ตามใจสั่งผนวกกับเสียงที่เงียบทั้งความเร็วต่ำ กลาง และสูง ยิ่งได้เสียงสังเคราะห์ในโหมด Sport มาด้วยยิ่งเพิ่มความเร้าใจเป็นสองเท่าเลยทีเดียว ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ขับคนเดียวจับเวลาได้สามครั้งดังนี้ 1. 6.64 วินาที 2. 6.65 วินาที 3. 6.53 วินาที ผลเฉลี่ยออกมาได้ 6.60 วินาที

    Top Speed ความเร็วสูงสุดกลับทำได้ 184 กม./ชม.(เกินไปตามข้อมูลโรงงานเพียง 4 กม./ชม.) เกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed with fixed ratio ทำงานราบรื่นไม่ขาดตอน ตัดต่อกกำลังอย่างดียังมีโหมดการทำงานของการขับขี่ 4 โหมด Comfort, ECO, PRO และ Sport สามารถเลือกได้ตามใจชอบ โดยโหมด PRO และ Sport แน่นอนว่ามันกระชากวิญญาณ แต่ถ้าขับทั่วไป Daily Use ก็เลือก Comfort กับ ECO ก็พอ

    BMW

    ความสิ้นเปลืองกับสูตรเฉพาะ EV Save Mode ถึงแม้ตัวรถจะเป็นรถไฟฟ้าแต่ส่งผลอัตราสิ้นเปลืองมาให้แฟนๆได้รับทราบโดยตลอด 4 วันแห่งการครอบครองรถคันนี้ใช้ระยะทางรวมทั้งหมด 619 กม. (วิ่งในเมือง รุ่งขึ้นไปกลับกรุงเทพฯ-เขาใหญ่ กลับมาขับในเมืองกันอีกครั้งในวันต่อมา) ชาร์จกลับรวมทั้งหมด 122.6 kWh ให้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยทั้งหมด 5.04 กม./kWh ถ้าตีค่าใช้จ่ายโดยเป็นการชาร์จเร็ว DC ตามตู้ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 1.28 บาท/กม. แล้วถ้ารวมค่าใช้จ่ายในการชาร์จทั้งหมดจะอยู่ที่ 792.32 บาท (อ้างอิงราคาชาร์จ DC 1kWh = 6.5 บาท/หน่วย จากค่าย EA Anywhere) แต่ถ้าชาร์จจากตู้ชาร์จ ปตท.ราคาชาร์จ DC 1kWh = 7.5 บาท/หน่วยช่วง On Peak กับระยะทางรวมชาร์จกลับและให้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเท่ากัน ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 1.48 บาท/กม. แล้วถ้ารวมค่าใช้จ่ายในการชาร์จทั้งหมดจะอยู่ที่ 916.12 บาท

    ระหว่างการชาร์จนั้นอย่างที่กล่าวข้างต้นว่าเปิดฝาชาร์จต้องดับรถ และถ้าอยากเข้าไปในรถระหว่างรอชาร์จได้ไหมได้แต่จะทำงานในส่วนเครื่องปรับอากาศและวิทยุเปิดได้ขณะรอชาร์จ

    BMW

    ส่วนการชาร์จจะมีชุดชาร์จสาย Emergency Charge ติดมาให้กับรถในกรณีไปที่จุดชาร์จไม่มีสายหรือไปชาร์จที่บ้านญาติหรือบ้านเพื่อนสำหรับการชาร์จตามถ้าชาร์จแบบกระแสสลับ AC  รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW สำหรับ AC 3 phase แบบ Wallbox และ Fast Charge ใช้ระยะเวลาชาร์จจาก 0-100% เพียง 7.30 ชม. ส่วนชาร์จแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 150 kW ใช้ระยะเวลาชาร์จจาก 0-80% เพียง 34 นาที

    BMW

    ช่วงล่างยกชุดมาจาก BMW X3 ด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมคอยล์สปริง เหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังแบบ อิสระมัลติลิงค์ พร้อมคอยล์สปริง เหล็กกันโคลง มาพร้อมกับช่วงล่างที่พัฒนาแบบ Adaptive ปรับระดับด้วยไฟฟ้าตามสภาพถนนและสภาวะการขับขี่ ครั้งนี้เซตช่วงล่างดีกว่า BMW X3 ออกไปทางนุ่มมากกว่าและไม่แข็ง การเก็บเสียงเงียบสนิททีเดียวแต่จะได้ยินเสียงสังเคราะห์เท่านั้นในเวลาเข้าโหมด Sport แม้แต่ช่วงความเร็วปกติ หรือความเร็วสูง สอบผ่านแบบไม่ต้องสงสัย  ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าแปรผันตามการหมุนและความเร็ว แบบ Servotronic เซตพวงมาลัยแม่นยำ ควบคุมง่าย หักเลี้ยวไม่ต้องใช้แรงมาก น้ำหนักเบา ส่วนระบบเบรกแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ น้ำหนักในการกดแป้นเบรกน้อยลง ระยะเบรกสั้นลง เหมือนกับรุ่น X3

    Safety & Feature

    BMW

    ระบบความปลอดภัยให้มาครบครันพอๆกับ BMW X3 ทั้ง ระบบควบคุมการทรงตัว (DSC) ควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) ควบคุมความเร็วขณะขึ้นทางลาดชัน Hill-Start Assisant ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control ถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด เซนเซอร์ควบคุุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) เตือนสถานะของยาง (Runflat Indicator) ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call) รวมถึง ควบคุมความเร็วคงที่ พร้อมฟังก์ชัน Stop&Go (Active cruise control with Stop&Go function) ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) ระบบป้องกันคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ควบคุมการขับขี่ขณะเข้าโค้ง (Performance Control) ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) ทำงานร่วมกับเซนเซอร์ควบคุมการจอดรถทั้งหน้า-หลังและพร้อมกล้องมองภาพรอบคันที่ให้ความชัดเจนในการมองแถมปรับมุมมองได้และป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-actuator wheel slip limitation)

    Verdict

    BMW
    BMW

    สิ่งหนึ่งที่ไม่ชอบเลยคือเมื่อออกจากรถทีไรทั้งๆที่ไม่อยากดับเครื่องเพราะมีคนโดยสารอยู่กลับดับเองโดยอัตโนมัติ กับการตกแต่งภายนอกภายในเหมือน X3 แต่บางอย่างก็ควรตกแต่งแบบ Special  เพิ่มเติมเฉพาะ IX3 ให้ชัดเจนถึงจะมีล้อดีไซน์เฉพาะกับขลิบสีฟ้าเสริมตัวตนก็ตาม แต่ถ้าไม่แคร์เรื่องที่กล่าวมาถือเป็นรถที่ขับสนุกขับเร้าใจกว่า BMW X3 ด้วยค่าตัว สามล้านห้าทอนพันนึง 3,499,000 บาท เป็นราคารวมโปรแกรม BSI Standard ก็ถือว่าเป็นรถที่ใช้งานดีขับไปไหนก็มันอย่าบอกใครสำหรับ BMW iX3 M Sport

    ขอขอบคุณ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้ความอนุเคราะห์รถยนต์ BMW iX3 M Sport มารีวิวในครั้งนี้

     

     

     

     

     

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts