Mercedes-Benz ประเทศไทยเพิ่มทางเลือกใหม่สำหรับสาวกตราดาวที่อยากอัปเกรดความหรูหรา ขอแนะนำ Mercedes-Benz V-Class รุ่นปรับปรุงใหม่หรือ MY2023 โดยรุ่นที่ขายในไทยเป็นรุ่น V 250 d Exclusive สนนราคาที่ 5.4 ล้านบาท
ดีไซน์การตกแต่ง ให้สปอร์ตและหรูหรากว่าเดิมในสไตล์ Avantgarde ล้ออัลลอย 5-Twin Spoke ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 245/45R18 พร้อมไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System ที่จะปรับลำแสงตามสภาพแวดล้อมแบบอัตโนมัติ และ Day Time Running Light รวมถึงการติดตั้งระบบไฟฟ้าสำหรับประตูบานเลื่อนของผู้โดยสารตอนที่ 2 และประตูท้าย (EASY-PACK tailgate) พร้อมติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบ AGILITY CONTROL ช่วยซับแรงกระแทกและทำให้ช่วงล่างมีความนุ่มนวลยิ่งขึ้น
ตัวถังแบบ Extra Long มาพร้อมมิติตัวรถที่ใกล้เคียงกับรุ่น Vito เริ่มที่ความยาว 5,370 มม. ความกว้าง 1,928 มม. ความสูง 1,909 มม. ฐานล้อ 3,430 มม. น้ำหนักรถ 2,404 กก. และความจุถังน้ำมัน 70 ลิตร ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยในส่วนของพื้นที่โดยสารและพื้นที่บรรทุกสัมภาระที่มากขึ้น
ดีไซน์ภายใน มีสไตล์ที่เรียบหรู แฝงไปด้วยความสปอร์ตอย่างมีระดับ มีการติดตั้งฟังก์ชันการใช้งานที่มอบความสะดวกสบายให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี ภายในติดตั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่สามารถควบคุมการใช้งานต่างๆ ภายในรถได้อย่างอัจฉริยะ พร้อมเสริมความสนุกในการขับขี่ด้วยแป้นควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (DIRECT SELECT gearshift paddles)
มีการหุ้มเบาะด้วยหนัง Lugano สีดำ ตกแต่งคอนโซลด้วยลวดลาย pinstripe effect ที่มีความลงตัวรับกับหน้าจอหลักบนคอนโซลกลางที่เป็นจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้ว ใช้ระบบเชื่อมต่อแบบ Smart Phone Integration รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto รวมถึงระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience)
ผสานการทำงานของระบบมัลติมีเดียเข้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะ AI เพื่อเรียนรู้และจดจำพฤติกรรมของผู้ขับขี่ และควบคุมระบบความบันเทิงผ่านคำสั่งเสียง พร้อมยกระดับบรรยากาศที่ดีเยี่ยมในห้องโดยสารด้วยคุณภาพของระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester และแสงไฟ Ambient Light แบบปรับเฉดสีได้ 3 สี
โดดเด่นด้านความสบายในห้องโดยสาร แบบ 3 ตอน 7 ที่นั่ง จัดรูปแบบการนั่งแบบ 2-2-3 โดยที่นั่งผู้โดยสารตอนหน้าเป็นเบาะปรับไฟฟ้าพร้อมและสามารถตั้งค่าหน่วยความจำ (memory seat) ได้ด้านละ 3 ตำแหน่ง ในส่วนที่นั่งของผู้โดยสารตอนหลังแถวที่ 1 จะเป็นรูปแบบ Luxury captain seat แยกซ้าย-ขวา ปรับด้วยไฟฟ้าและหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบนวดหลัง ระบบระบายอากาศ ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบแยกโซน โดยมีระบบ THERMOTRONIC สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และระบบ TEMPMATIC สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง มอบประสบการณ์แสนสบายในระหว่างการขับขี่และการโดยสารไปอีกขั้น โดยมีความจุสัมภาระสูงสุด 1,410 ลิตร
สมรรถนะเครื่องยนต์และระบบการส่งกำลัง Mercedes-Benz V 250 d Exclusive มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร OM654 เจเนเรชันล่าสุด ที่สามารถรีดพละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร ที่ 1,350–2,400 นาที สามารถทำอัตราเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ในระยะเวลาเฉลี่ย 9.6 วินาที
มีความเร็วสูงสุดโดยประมาณที่ 205 กม./ชม. มีระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 สปีด (9G-TRONIC PLUS) มีจุดเด่นในการรักษาระดับการทำงานของรอบเครื่องยนต์ให้ต่ำ และช่วยให้จังหวะการเร่งเครื่องมีความต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น เหมาะกับการขับขี่ในทุกสภาพถนน
ความปลอดภัยในการขับขี่ Mercedes-Benz ให้ความสำคัญ ดังนั้นเทคโนโลยีต่างๆจึงมีทั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานและความปลอดภัยขั้นสูง อาทิ ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST ระบบเปิด-ปิด ไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic headlight assist) เซ็นเซอร์ปัดน้ำฝน (Rain sensor) เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) ถุงลมนิรภัยและม่านถุงลมนิรภัยรอบคัน พร้อมเทคโนโลยีกล้องแสดงภาพแบบรอบทิศทาง (360º Camera)
Mercedes-Benz V 250 d Exclusive นำเข้า มาจากโรงงาน Mercedes-Benz ในเมืองบิโตเรีย-กัสเตอิซ (Vitoria-Gasteiz) ประเทศสเปน ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถแวนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก
โดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่
- สีขาว (Crystal white)
- สีแดง (Hyacinth red metallic)
- สีเงิน (Brilliant silver metallic)
- สีดำ (Obsidian black metallic)
- สีเทา (Pebble grey)
- สีเทาเข้ม (Dark graphite grey metallic)
วางจำหน่ายแล้วในราคา 5,400,000 บาท
ราคาตารางผ่อน – ดาวน์ 2023 Mercedes-Benz V-Class