หลังจากเผยภาพหลุดจากโลกออนไลน์กับ NETA V รุ่นปรับโฉมหรืออีกชื่อ NETA AYA ชื่อที่ทำตลาดสำหรับมืองจีนโดยเฉพาะ
ล่าสุดทาง NETA ประกาศอย่างเป็นทางการกับการปรับโฉมของ NETA V พร้อมชื่อใหม่ NETA AYA จะมาพร้อมสองสีใหม่ด้านหน้าเปลี่ยนในส่วนกันชนหน้าออกแบบมีช่องคล้ายช่องระบายอากาศใหญ่ขี้นมีช่องเล็กๆซ้าย-ขวาใหม่ เสริมคิ้วสีเงินใต้กันชนหน้าหล่อด้วยไฟหน้า Projector และไฟ DRL LED ในโคมเดียวกันแบบ Eagle-eye Laser โดมเดิมมีระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
ไฟท้าย LED ออกแบบใหม่แบบทรูไทป์พร้อมไฟถอยหลังในตัวแบบแนวยาวรับกับฝาท้ายดีไซน์ใหม่พร้อมไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED กันชนหลังออกแบบใหม่มีแผงสะท้อนแสงสีแดงใหม่กับคิ้วขอบแผงไฟสะท้อนแสง กระจกมองข้างทรงสปูน ล้อและยางมีทั้งแบบกระทะล้อพร้อมฝาครอบและล้ออัลลอยมีให้เลือกทั้งลายเก่าและใหม่ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 185/65 R16 กับมิติตัวรถตั้งแต่ความยาว 4,070 มม. ควากว้าง 1,690 มม. ความสูง 1,540 มม. และฐานล้อ 2,420 มม.
ภายในยังไม่มีข้อมูลว่าจะปรับด้วยหรือไม่แต่ออปชันยังคงเดิมทั้งกุญแจแบบสมาร์ทคีย์ที่มีระบบ Ride & Go ให้รถพร้อมสำหรับการขับขี่ทันทีที่เปิดประตูรถหน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 14.6 นิ้วล้ำสมัยด้วยระบบการสั่งการระบบการทำงานต่างๆของรถพร้อมเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน IOS และ Android ลำโพง 6 จุด มาตรวัดแบบดิจิตอลขนาด 12 นิ้วแนวยาว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้าน
ขุมพลังไฟฟ้าเป็นแบตเตอรี่ Lithium-ion ให้มีขนาด 40.7 kWh ชนิด LFP (Lithium-ion Phoshate)(เดิม 38.5 kWh)แต่กำลังยังเท่าเดิมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า 95 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตรและยังให้ระยะทางในการวิ่งสูงสุดเท่าเดิม 384 กม./ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ความเร็วสูงสุด 121 กม./ชม. ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น IP67
มีระบบจัดการอุณหภูมิแบตเตอรี่ HEPT 3.0 ระบายความร้อนแบบ LIQUID COOLING SYSTEM รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC Normal Charge จาก 0-100% ในระยะเวลาประมาณ 8 ชม.และการชาร์จกระแสตรง DC Quick Charge จาก 30-80% ในระยะเวลาประมาณ 30 นาที ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยฟังก์ชัน V2L (Vehicle to Load) จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยกำลังสูงสุดถึง 3,300 วัตต์และอีกรุ่นกับความจุแบตเตอรี่ 35 kWh 54 แรงม้า วิ่งไกลสุด 301 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง
NETA AYA ชื่อใหม่หรือ NETA V รุ่นปรับโฉมเตรียมเปิดตัวที่จีนช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้ส่วนเมืองไทยจะเป็นว่าที่รุ่นปรับโฉมหรือไม่ต้องติดตาม
ที่มา Autohome