More

    Honda Accord vs BYD SEAL เมื่อแมวน้ำท้าชนหนุ่มใหญ่

    ตลาดรถยนต์ในเมืองไทยที่อาจจะเงียบเหงาคงหนีไม่พ้นกลุ่มตลาดรถยนต์ D-Segment ที่มีแค่แบรนด์รถญี่ปุ่นสองยี่ห้อแต่การมาของ BYD SEAL จากจีน

    Honda

    ได้สร้างกระแสรถยนต์กลุ่มนี้กลับมาคึกคักอีกครั้งนับตั้งแต่เปิดราคา 28 กันยายนที่ผ่านมาจนมียอดจองหลักพันและส่งมอบทันที ข้ามฝั่งมาที่ญี่ปุ่นค่ายรถ Honda ขอป้องกันตำแหน่งที่ 2 ในกลุ่มรถ D-Segment เผยสเปกเก๋งสปอร์ต Honda Accord เจเนอเรชันที่ 11 ออกมาก่อนจะขายจริงในเดือนตุลาคม ทำให้ลูกค้าที่สนใจต่างชะลอการตัดสินใจว่าเลือกรุ่นไหนดีระหว่างสองเก๋งใหญ่สองขุมพลังจากสองประเทศวันนี้ Car2Day จึงจับสองรุ่นใหม่มาทำความรู้จักกันเริ่มที่

    Design & Exterior

    Honda

    Honda Accord รุ่น EL e:HEV ซาลูนทรงสปอร์ตส่งมอบคุณค่าใหม่สู่การมอบประสบการณ์เดินทางในทุกเส้นทางหน้าตาหล่อคล้ายรถทรง Fastback 5 ประตูทั้งๆที่ความจริงมันคือ 4 ประตูซีดานผสานด้วยความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ความหรูหราประณีต ฟังก์ชันการใช้งานไว้อย่างลงตัวตั้งแต่ กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมไส้ในรังผึ้งโดดเด่นด้วยแพตเทิร์นที่มีมิติ สะกดทุกสายตา ไฟหน้า LED แนวยาว พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED  ชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ต ไฟท้าย LED แนวยาวล้อมฝาท้ายที่คล้ายๆรถยุโรป ด้านข้างโดยเฉพาะเส้นสายที่ชายประตูล่างรวมถึงกระจกโอเปร่าสไตล์เด่น เสาอากาศครีบฉลาม กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ และ มีฟังก์ชันกระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วสีดำแบบแมตต์พร้อมยางขนาด 235/45R18

    BYD

    ด้านเจ้าแมวน้ำอย่าง BYD SEAL เป็นรุ่นท็อป AWD Performance จ้าแมวน้ำสุดหรู BYD ด้วยดีไซน์หล่อล้ำอนาคต ตั้งแต่ไฟหน้า LED ชุดกันชนหน้าขึ้นรูปชิ้นเดียวมีกระจังหน้าปิดทึบอยู่ในชุดเดียวกัน กระจกแบบโอเปร่า ดีไซน์หรูหราดุจรถยุโรป เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถ แนวตัวถังด้านข้าง ต่อเนื่องไปจนถึงโคมไฟท้าย LED ที่วางแบบเต็มความกว้างท้ายรถติดตั้งดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมสรรพจุดสังเกตของรุ่นท็อปสุดด้านท้ายจะมีตัวอักษรว่า AWD และ 3.8 S ติดที่ฝากระโปรงท้าย พื้นที่วางของที่ฝากระโปรงหน้า 53 ลิตร ล้อสีทูโทนดีไซน์เอกลักษณ์ ขนาดใหญ่ 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/45R19 จาก Continental SportContact

    Dimension

    Honda

    รถเก๋งใหญ่ D-Segment ถึงการออกแบบจะคล้ายรถ Fastback หลังคาลาดลงและเมื่อดูจากทุกส่วนของตัวรถทั้งสองคันพบกว่า BYD SEAL AWD Performance ได้เปรียบเกือบทุกส่วนเมื่อเทียบกับ Honda Accord  EL e:HEV ตั้งแต่ความยาวมากกว่า Accord ถึง 162 มิลลิเมตร กว้างกว่า Accord 13 มิลลิเมตร สูงกว่า Accord 11 มิลลิเมตร ฐานล้อยาวกว่า Accord 93 มิลลิเมตร น้ำหนักรถหนักกว่า Accord 48  กิโลกรัม แต่ ระยะความสูงจากใต้ท้องรถ Accord สูงกว่า SEAL 14 มิลลิเมตร

    Interior & Convenience

    Honda

    Honda Accord EL e:HEV มาพร้อมภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย โดยได้รับการออกแบบเพื่อมอบทัศนวิสัยที่ดี ด้วยมาตรวัดดิจิทัลพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว เป็นรุ่นแรกของค่ายที่ติดตั้งจอสัมผัสขนาดใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมามีระบบ Google built-in ในตัว เรียกใช้งาน Google Maps, Google Assistant และ Google Play ดาวน์โหลดแอปได้ รวมไปถึงเพลง พอดแคสต์รองรับ Android Auto Apple CarPlay อัปเดตออนไลน์ over-the-air ลำโพง BOSE 12 จุด ชาร์จมือถือไร้สาย wireless charging พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลรถยนต์ Honda Connect มาพร้อมเทคโนโลยี Digital Key เชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงานที่จะช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง

    ดีไซน์แผงคอนโซลหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของ Honda ตกแต่งด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้ ผิวสัมผัสหุ้มหนัง ครั้งแรกับปุ่ม Experience Selection Dial สามารถหมุนเพื่อเลือกและบันทึกฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถปรับเลือกระบบปรับอากาศ เครื่องเสียง และไฟสร้างบรรยากาศได้ ซึ่งจะแสดงผลบนระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส ช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสกับประสบการณ์การควบคุมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งสามารถตั้งค่าผู้ใช้งานได้จำนวนสูงสุดถึง 8 ผู้ใช้งาน

    Honda

    พร้อมออปชันประจำรถทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา ช่องแอร์ด้านหลัง ปุ่ม Push Start ไฟส่องสว่างภายในแบบ LED Map Lights เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold ที่ชาร์จมือถือไร้สาย ช่องเชื่อมต่อ USB type C 4 ตำแหน่ง เบาะนั่งหุ่มวัสดุกึ่งหนังแท้โดยด้านคนขับและคนนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทางและระบบความจำตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่เลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ ม่านบังแดดกระจกข้างด้านหลังพื้นที่สัมภาระท้ายมากถึง 473 ลิตร แถมยังขยายพื้นที่วางในส่วนผู้โดยสารด้านหลังมากถึง 1,036 มิลลิเมตร มากกว่า Honda Accord เจนที่แล้วถึง 10 มิลลิเมตร

    ปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster ไฟสร้างบรรยากาศภายในแบบปรับเฉดสีได้ (Multi-color Ambient Light) ครั้งแรกใน Accord เจนใหม่ โดยสามารถเลือกโหมดการเปลี่ยนสีของไฟได้ ดังนี้ โหมด Recommended Color จะสามารถปรับเปลี่ยนสีได้โดยอัตโนมัติตามชุดสีที่เลือกขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และโหมด Theme Color ผู้ใช้งานสามารถเลือกปรับไฟสีที่ต้องการได้โดยมีสีให้เลือก 10 เฉดสี ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) ขนาด 11.5 นิ้ว

    BYD

    ด้าน BYD SEAL AWD Performance ห้องโดยสารเด่นทั้งเรื่องดีไซน์ตั้งแต่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 3 ก้าน ทรงท้ายตัดพร้อมสันเพิ่มความกระชับให้กับอุ้งมือ มองลอดพวงมาลัยเป็นจอ Driver Display แสดงผลในรูปแบบดิจิตอล LCD 10.25 นิ้ว ถัดไปอีกเล็กน้อย คือ Head-up Display แสดงข้อมูลที่จำเป็นโดยที่ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนเบื้องหน้าส่วนจอแสดงผล ระบบ Infotainment ขนาดใหญ่เต็มตาถึง 15.6 นิ้ว เชื่อมต่อ Apple Car Play Android Auto รองรับ 5G มีระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ DiLink และลำโพง Dynaudio 12 จุด ที่ชาร์จมือถือไร้สายให้มาถึง 2 จุด รวมถึงหัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส เบาะนั่งทรงสปอร์ต หุ้มหนังอย่างประณีต มีช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ พื้นที่สัมภาระท้ายมีความจุ 400 ลิตรระบบการเข้าารถ และ สตาร์ทแบบ Keyless ทำงานร่วมกับกุญแจแบบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ NFC

    Power & Transmission

    Honda

    รถเก๋งใหญ่ทั้งสองรุ่นนี้แม้ขุมพลังทั้งจะต่างกันแต่มีชุดแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นส่วนประกอบในการขับเคลื่อนทั้งส่วนประกอบหลักและรองเริ่มกันที่ Honda Accord รุ่น EL e:HEV ขับเคลื่อนสู่ทุกจุดหมายอย่างไร้ข้อจำกัดด้วยฟูลไฮบริด e:HEV Full Hybrid e:HEV มาพร้อมระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ที่มีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน I-VTEC 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC รหัส LFB1 ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 182 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาทีในภาคของเครื่องยนต์ ให้กำลัง 184 แรงม้าที่ 5,000-8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 335 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบต่อนาทีในภาคมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว แบตเตอรี่ Lithium-Ion ให้กำลังรวมเมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน 207 แรงม้า ขับเคลื่อนความเร้าใจทุกการขับขี่ตอบสนองดั่งใจ มอบอัตราการประหยัดน้ำมันที่เยี่ยมถึง 25 กม./ลิตร ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 96 กรัม/กิโลเมตร

    รองรับน้ำมันสูงสุด E20 คู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) โหมดการขับขี่ถึงสี่โหมดทั้งโหมด ECON, Normal, Sport และ Individual สวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้าโดยมีการเพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นโหมดที่จะชาร์จแบตเตอรี่ ในขณะที่รถวิ่งด้วยน้ำมัน โดยการวิ่ง 1 นาทีที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะสามารถชาร์จไฟเพิ่ม เพื่อสามารถขับเคลื่อนด้วยระบบ EV เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มแรงขับเคลื่อนของ EV ในช่วงความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเหมาะแก่การวิ่งในย่านชุมชน เพื่อยืดระยะของการวิ่งด้วย EV ให้ยาวนานขึ้น พร้อมช่วงล่างอิสระสี่ล้อ ด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 6.1 เมตร

    BYD

    BYD SEAL AWD Performance มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมีความจุแบตเตอรี่ขนาด 82.56 kWh กำลังรวมสูงสุด 530 แรงม้า กับ แรงบิดสูงสุดระดับ 670 นิวตันเมตร โดยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า Asynchronous Motor ให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลัง 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 580 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC แถมให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.8 วินาที

    รองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging แบบ CCS2) 30-80% ภายในเวลา 26 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 150 kW และชาร์จช้า AC แบบ Type 2 รองรับกำลังไฟสูงสุด 7 kW ทุกรุ่น ยังมีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ นุ่มนวลถึงใจด้วยช่วงล่างอิสระสี่ล้อด้านหน้าแบบดับเบิลวิชโบนปีกนกคู่ และด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์แต่ไม่มีเหล็กกันโคลงทั้งหน้าและหลัง มีระบบการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.7 เมตร

    Safety & Feature

    Honda

    Honda Accord EL e:HEV มอบความมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยอื่น ๆ และเทคโนโลยีการขับขี่ที่ครบครันทั้ง ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)

    ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) โดยระบบยังสามารถปรับลักษณะการเร่งความเร็วได้ตามโหมด ACC ที่เลือกถือเป็นครั้งแรกใน Accord เจนใหม่ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) และครั้งแรกกับเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) ใหม่ ระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System: MMS) ถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่งรอบคันได้แก่ ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า ม่านถุงลมด้านข้าง ถุงลมหัวเข่าคู่หน้า

    ช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ใหม่ ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า และ ใหม่ ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง ควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) และแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด

    BYD

    BYD SEAL AWD Performance มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) ที่มาอย่างครบครันออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงได้แก่ ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and Go ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW) ช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS) ช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW, RCW) ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD) ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA, RCTB) ช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP) ช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA) ช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (Follow Me Home)

    พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้งถุงลมนิรภัย 9 จุดรอบคัน ตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ เบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ป้องกันการลื่นไถล (TCS) ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) ควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC) กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา และออปชันความปลอภัยพิเศษที่มีในรุ่นท็อปของเจ้าแมวน้ำก็คือ ระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะ (iTAC) และระบบล็อกประตูป้องกันเด็กไฟฟ้า

    Price & Color

    BYD

    • Honda Accord EL e:HEV มีสีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก) พร้อมภายในสีดำ กับค่าตัวไม่เกิน 1,670,000 บาท โดยจะเปิดตัวพร้อมราคาในวันที่ 17 ตุลาคม
    • BYD SEAL AWD Performance มีทั้งหมด 4 สีทั้งสีฟ้า Velocity Blue สีขาว Horizon White สีดำ Quantum Black และสีเทา Space Gray ในราคา 1,599,000 บาท

    VerdictHonda

    ด้วยส่วนต่างของราคาที่ต่างกันทำให้ผู้ซื้อต้องนั่งคิดแล้วว่าจะเอาสองคันไหนโดย Honda Accord EL e:HEV ได้เปรียบตรงที่เป็นรถลูกผสมที่เครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ทำงานร่วมกัน หรือ แยกกันในช่วงความเร็วที่ไม่เหมือนกันแต่ยังสามารถเติมน้ำมันได้ พร้อมความมั่นใจในการใช้งานการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางพร้อมศูนย์บริการเยอะกว่า BYD ถึง 240 แห่งและคนที่จองตั้งแต่ 1-16 ตุลาคม รับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท

    ทางด้าน BYD SEAL AWD Performance มาด้วยค่าตัวถูกว่า Accord ถึงจะเป็นรถพลังอีวีเด่นในการให้ความแรงและเร็วด้วยอัตราเร่ง 3.8 วินาที แรงม้ามหาโหด 500 กว่าแรงม้า 530 แรงม้า กับ แรงบิดสูงสุดระดับ 670 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ด้วยช่วงล่างที่นุ่มและยางที่ให้มาไม่เหมาะกับรถพลังแรงแบบนี้จึงสมควรต้องเปลี่ยนให้เหมาะสมแต่การบริการหลังการขายดูดีพอๆกับ Honda ถึงจำนวนตัวแทนและศูนย์บริกามีเพียง 65 แห่งและจุดได้เปรียบคือเจ้าแมวน้ำคือส่งมอบทันใจตั้งแต่กันยายนี้เป็นต้นไปด้วยจำนวน 1,782 คันและในเดือนตุลาคม จะส่งมอบจำนวน 2,952 คัน

    BYD

    มีแคมเปญ Rever care มูลค่าถึง 230,000 บาท ดังนี้ ดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน, ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ.ระยะเวลา 1 ปี, บริการบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร.,  รับประกันตัวรถ (Warranty) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร., รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร., บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง 8 ปีเต็ม, โฮมชาร์จเจอร์ยี่ห้อ ABB พร้อมการติดตั้ง, สายต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือ VTOL

    เก๋งใหญ่สองรุ่นจากสองแผ่นดินถึงดีไซน์คนละแบบแต่จุดมุ่งหมายของทั้งสองคือการใช้งานที่รักษ์โลก ประหยัดพลังงาน​โดยสามารถไปทดลองขับได้ที่โชว์รูมใกล้บ้านเพื่อคลายความสงสัยและจับจองมาเป็นคันที่ใช่เป็นคู่หู่ตลอดเส้นทาง

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts