นับตั้งแต่ Honda e รถจิ๋วพลังอีวีโลดแล่นบนท้องถนนญี่ปุ่นและทั่วโลกได้รับการตอบรับอย่างดีแต่ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
ล่าสุด ฮอนด้า มอเตอร์ ญี่ปุ่น ประกาศบนหน้าเว็บไซต์ Honda e อย่างเป็นทางการว่าจะจะสิ้นสุดการผลิตรถจิ๋วคันนี้มาในร่างบีคาร์ท้ายตัดห้าประตูสร้างจากแพลตฟอร์ม MCF5 งานดีไซน์ได้แรงบันดาลใจจากต้นแบบ Honda Urban EV Concept ผสมกับความเป็น Honda Civic เจนแรกจนเกิดความลงตัวทั้งคันตั้งแต่ไฟหน้า LED ทรงกลมพร้อมไฟ DRL แบบ LED กลมๆในโคมเดียวกันรับกับกระจังหน้าทรงทึบสีดำตรงกลางติดโลโก้พร้อมที่เปิดเสียบชาร์จ กลมกลืนด้วยชุดกันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถและช่ายล่างกันชนหน้าสีดำลากยาวไปถึงคิ้วชายล่างด้านข้างและกันชนหลัง
ด้านข้างมีกล้องข้างรถทำงานแทนกระจกมองข้างผ่านจอที่แสดงภาพในห้องโดยสาร ที่เปิดประตูเรียบเนียนกับตัวรถด้านท้ายมาแนวเดียวกับด้านหน้าทั้งไฟท้ายทรงกลม LED คิ้วสีดำล้อมกรอบไฟท้ายแปะตราโลโก้ พร้อมที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง ล้ออัลลอยลายเข้มั้งแต่ขนาด 16 นิ้วพร้อมยางหน้า 185/60R16 และยางหลังขนาด 205/55R16 กับขนาดใหญ่สุด 17 นิ้ว พร้อมยางหน้า 205/45R17 และยางหลังขนาด 225/45R17 ตัวรถมีความยาว 3,894 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,752 มิลลิเมตร ความสูง 1,503 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,530 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,540 กิโลกรัม และระยะต่ำสุดจากพื้น 145 มิลลิเมตร
ภายในออกแบบแผงคอนโซลหน้ายาวเต็มแผงด้วยจอ LCD ประกอบด้วยจอภาพแสดงกล้องข้างรถทรงสี่เหลี่ยมขนาด 6 นิ้ว Side Camera Mirror System จอกลางคู่ขนาด 12.3 นิ้ว รวมมาตรวัด แสดงข้อมูลรถและจอสัมผัสระบบความบันเทิง พร้อมลำโพง 8 จุด พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสองก้านพร้อมระบบอุ่นที่ตัวกิ๊ปจับพวงมาลัย เชื่อมต่อกับตัวรถตลอดเวลาด้วยแอพพลิเคชัน My Honda+ ซึ่งสามารถใช้ในการล็อกหรือปลดล็อกรถได้อีกด้วยบนความสบายด้วยเบาะนั่งหุ้มผ้ากำมะหยี่ 4 ที่นั่งโดยพื้นที่ด้านหลังยังพับเบาะได้ หลังคารถสกายรูฟ ช่องเสียบปลั๊กแบบ AC 100 V รองรับการเสียบอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุด 1,500 W
อีวีจิ๋วคันนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ Lithium-ion high-capacity battery ขนาด 35.5 kWh ให้กำลังสูงสุด 154 แรงม้าที่ 3,497-10,000 รอบต่อนาที แรงบิด 315 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 145 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.3 วินาที ชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งไกลสุด 259 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTC หรือ 220 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP โดยตัวแบตฯ พัฒนาโดย Panasonic วางแบตอยู่ที่บริเวณใต้ท้องรถโดยมีการสร้างสมดุลน้ำหนักตัวรถกระจายแบบ 50:50 มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำช่วยในเรื่องการทรงตัวที่ดีขึ้น พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง NORMAL และSPORT พร้อมแป้นเบรกกับคันเร่งทำงานแป้นเดียวกัน single pedal control
ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งชาร์จกระแสตรง DC ถึง 80% ภายใน 30 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 6.6 kW ได้ ความปลอดภัย Honda Sensing มาครบ สำหรับตลาดญี่ปุ่นขายจริงตั้งแต่ 30 ตุลาคมปี 2020 สิ้นสุดการผลิตตั้งแต่มกราคมปี 2024 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสีภายนอกที่ดีลเลอร์ถือครองอยู่ หมดแล้วหมดเลยในราคา 4,950,000 Yen หรือราว 1,219,000 บาท และการปิดไลน์ประกอบที่ญี่ปุ่นอาจส่งผลถึงตลาดโลกที่จำหน่ายและแต่ละที่จะจัดกิจกรรมเปิดตัวรุ่น Final Edition หรือไม่ติดตามในครั้งต่อไป
ที่มา Carwatch
