หลังจากที่เพื่อนร่วมค่ายอย่าง Toyota Corolla ALTIS HEV เปิดตัวรุ่นใช้แบตเตอรี่แบบใหม่มีหรือที่ Toyota Corolla Cross HEV จะไม่ปรับตามด้วย
ล่าสุด Toyota เปิดตัวเงียบๆกับ Toyota Corolla Cross HEV MY2025 ด้วยการใช้แบตเตอรี่ใหม่แบบลิเธียมไอออนแทนแบบเดิมนิกเกิลเมตัลไฮดราย
ภายนอกคงเดิมเริ่มที่ไฟหน้าแบบ LED ใหม่พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights LED แบบ Light Guiding พร้อมควบคุมการเปิด–ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ Follow-Me-Home พร้อมไฟเลี้ยววิ่งแบบ Sequential บนขอบไฟหน้า
กระจังหน้าตัวเด่นมีช่องระบายอากาศดีไซน์รังผึ้งพร้อมโลโก้สามห่วง สีเดียวกับตัวรถ พร้อมการตกแต่งกระจังหน้าแบบสีเทากับโครเมียม รับกับกันชนหน้าสีทูโทนพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED อยู่ตำแหน่งเดียวกับช่องะระบายอากาศด้านล่างใต้ตำแหน่งป้ายทะเบียน
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวทรงสปูน ที่เปิดประตูดึงก้านสีเดียวกับตัวรถ ไฟท้าย LED Light Guiding สีขาวแดง ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED กันชนหลังทรงสปอร์ต ราวหลังคา ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าเซนเซอร์เปิด-ปิดฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick activated ล้ออัลลอยลายหรูปัดเงาทูโทน ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R18 หลังคาพาโนรามิกมูนรูฟแบบ Frameless พร้อมราวหลังคาในรุ่น HEV Premium Luxury และรุ่น HEV GR Sport
สำหรับรุ่น HEV GR Sport มาพร้อมความเท่ด้วยไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights LED แบบ Light Guiding พร้อมควบคุมการเปิด–ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ Follow-Me-Home พร้อมไฟเลี้ยววิ่งแบบ Sequential บนขอบไฟหน้า แพ็กเกจชุด GR ประกอบด้วย กันชนด้านหน้า กระจังหน้า สเกิร์ตข้าง กันชนด้านหลัง ไฟท้าย LED Light Guiding ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ออกแบบเฉพาะพร้อมสัญลักษณ์ GR Sport ตัวรถสร้างจากพื้นฐาน TNGA มิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 4,460 มิลลิเมตร และ 4,455 มิลลิเมตรในรุ่น HEV GR Sport
- ความกว้าง 1,825 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,620 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร
- ความสูงจากใต้ท้องรถ 161 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,385-1,430 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 36 ลิตร
ภายในครบครันด้วยจอสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ขนาด 10.1 นิ้ว รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆพร้อมกับ Wi-Fi รองรับการไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ช่องเสียบ USB Type C พร้อมลำโพง 6 จุด และมาตรวัดความเร็วแบบสี TFT ขนาด 7 นิ้วในรุ่น HEV Premium
ที่ชาร์จมือถือไร้สายกับมาตรวัดดิจิทัล TFT ขนาด 12.3 นิ้วสามารถปรับแต่งได้หลากหลายสไตล์ปรับได้ตามความชอบกับหน้าจอ 4 สไตล์ Casual, Smart, Tough, Sporty กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติและม่านบังแดดปรับไฟฟ้าในตำแหน่งหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ให้เฉพาะรุ่น HEV GR Sport และรุ่น HEV Premium Luxury
ทุกรุ่นมาพร้อมพวงมาลัยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone ปรับอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) พร้อมกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Entry) เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ไฟภายในแบบ LED สว่างทั้งคัน
เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีแดงเข้ม Dark Rose และสีดำขึ้นกับสีภายนอก เบะานั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพนักพิงเบาะนั่งด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา เบาะนั่งด้านหลังแยกพับได้แบบ 60:40 พนักวางแขนด้านหลัง พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุมากถึง 487 ลิตรที่วางแก้วน้ำ ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ส่วนรุ่น HEV GR Sport สะท้อนความเป็น GR ด้วยการตกแต่งแผงคอนโซลหน้า สีดำ Piano Black พวงมาลัย และเบาะหนังเดินตะเข็บด้ายสีเงิน พนักพิงศีรษะและปุ่มกดสตาร์ทตกแต่งด้วยโลโก้ GR
ขุมพลังสำหรับเวอร์ชันไทยยังคงเดิมเป็นเบนซินไฮบริดขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE เพิ่มประสิทธิภาพไฮบริดเพื่อในการใช้เชื้อเพลิงที่ต่ำเพิ่มกำลังสูงถึง 98 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าชนิดมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวรกำลังสูงสุด 72 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร
สำหรับรุ่นปี 2025 หรือ MY2025 เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เป็นมาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนใหม่ที่มีแรงดันไฟฟ้า 207.2 V จำนวนเซลล์ 56 ความจุไฟฟ้า 4 Ah (0.83 kWh) จากเดิมเป็นแบตเตอรี่ไฮบริดชนิดนิกเกิลเมตัลไฮดราย ความจุไฟฟ้า 6.5 แอมแปร์ (3 ชั่วโมง)
เมื่อทำงานร่วมกันทำให้ได้แรงม้ารวมถึง 122 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า มีโหมดการขับขี่ทั้ง EV, POWER, NORMAL และ ECO MODE ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองอย่างมีประสิทธิภาพรองรับน้ำมันสูงสุด E20 ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ด้วยอัตราการใช้น้ำมัน 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker)
ช่วงล่างยังเป็นแบบด้านหน้ามาแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง คอยล์สปริง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ทั้งหน้าและหลังกับพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering)
ส่วนรุ่น HEV GR Sport ปรับช่วงล่างเฉพาะเน้นความเร้าใจทุกการขับขี่ด้วย พร้อมเหล็กค้ำตัวถังด้านล่าง และพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าปรับใหม่ มอบความรู้สึกในการขับขี่ที่หนักแน่น มั่นคง พร้อมการบังคับควบคุมพวงมาลัยที่แม่นยำขึ้นพร้อมความปลอดภัย Toyota Safety Sense ให้หมดทั้ง
- All-Speed Dynamic Radar Cruise Control with Lane Tracing Assist ระบบควบคุมและปรับลดอัตโนมัติ ได้ถึง 0 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและสามารถเร่งความเร็วกลับสู่ระดับที่ตั้งไว้ เมื่อไม่มีรถขวางหน้า พร้อมระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน
- Lane Departure Alert with Steering Assist เตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ
- Pre-Collison system ความปลอดภัยก่อนการชน
- Automatic High Beams ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ
- ช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM
- ช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA
เฉพาะรุ่น HEV GR Sport และรุ่น HEV Premium Luxury ให้ออปชันเฉพาะทั้งช่วยเตือนขณะจอดรถพร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ PKSB กล้องมองภาพรอบทิศทางพร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ (Panoramic view monitor) และสัญญาณกะระยะการจอดรถหน้าและหลังอย่างละ 4 จุด พร้อมกล้องวีดีโอบันทึกภาพติดรถยนต์หน้า-หลัง ในรุ่น HEV Premium ให้สัญญาณกะระยะการจอดรถหน้า 2 จุด หลัง 4 จุด และกล้องมองหลัง
รวมถึงออปชันความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน Hill-Start Assist Control สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน Emergency Brake Signal ป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control System) ควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) ป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Brake System) กระจายแรงเบรก EBD พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ
ป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน DSC สัญญาณเตือนการโจรกรรม TDS กุญแจนิรภัย Immobilizer ถุงลมเสริมความปลอดภัยรอบคัน SRS 7 ตำแหน่ง แจ้งเตือนลมยาง TPMS และกระจกมองข้างด้านซ้ายปรับมุมมองขณะถอยหลัง Reverse Link
พี่บึ้งสุดหล่อรุ่นฟูลไฮบริด HEV มีสีภายนอก 5 สี ได้แก่สีเทา Cement Gray Metallic, สีเทา Celestite Gray Metallic, สีขาวมุก Platinum White Pearl เพิ่มเงิน 10,000 บาท, สีบรอนซ์เงิน Metal Stream Metallic และสีดำ Attitude Black Mica
ส่วนรุ่น HEV GR Sport มี 3 สีได้แก่สี ขาวมุกหลังคาดำ Platinum White Pearl/Black roof เพิ่มเงิน 15,000 บาท, สีแดงหลังคาดำ Red Mica Metallic/Black roof เพิ่มเงิน 10,000 บาท และสีดำ Attitude Black Mica ราคาเดิมดังนี้
- รุ่น HEV GR Sport ราคา 1,254,000 บาท
- รุ่น HEV Premium Luxury ราคา 1,204,000 บาท
- รุ่น HEV Premium ราคา 1,094,000 บาท