หลังจากทำตลาดมาได้ 1 ปีกลายเป็นรถสำหรับครอบครัวหรือองค์กรที่ต้องการใช้งานทุกรูปแบบกับ MG EP แวก้อนพลังไฟฟ้าล้วนกับค่าตัวไม่เกินล้าน
ล่าสุด เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี และ เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) สนองทางเลือกใหม่ให้กับกลุ่มครอบครัวโดยเฉพาะกับ NEW MG EP PLUS ที่เป็นการนำรุ่น EP ปกติ มาเพิ่มเติมให้ดูสวยงามและหรูยกระดับการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถใช้งานได้จริงตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย เริ่มที่ภายนอก มีการเพิ่ม ชุดราวหลังคา (Roof Rail) รองรับน้ำหนักได้ถึง 75 กิโลกรัม ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถขนสัมภาระและอุปกรณ์ต่างๆ ได้ บนพื้นฐานเดิมตั้งแต่ กระจังหน้า Suspended Wing Grille ปิดทึบสีดำ Piano Black พร้อมแถบโครเมียมรับกับ ไฟหน้า Projector ติดตั้งไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน LED DRL ในโคมเดียวกัน ไฟท้าย LED ดีไซน์แบบ Electric Pulse Design และไฟเบรก ดวงที่ 3 แบบ LED อยู่ในชุดสปอย์เลอร์หลังคา ล้ออัลลอยลาหรูขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 205/60R16 คิ้วโครเมี่ยมเสริมทับที่กรอบป้ายทะเบียน มุมกันชนหน้า-หลัง กรอบประตูเติมเต็มความหรูดุจรถยนต์นั่งชั้นดี
ภายในยังคงเดิมเพิ่มเติมด้วยเครื่องปรับอากาศดิจิทัลติดตั้งระบบกรองอากาศ PM 2.5 ที่สามารถดักจับและป้องกัน ฝุ่นละอองอนุภาคเล็กภายในห้องโดยสาร บนพื้นฐานออพชั่นเดิมทั้ง เบาะนั่งหนังสังเคราะห์ทั้ง 5 ที่นั่ง ที่ตอนหลังสามารถพับได้แบบ 60 :40 เมื่อพับจะมีพื้นที่มากถึง 1,456 ลิตร ส่วนเบาะนั่งคู่หน้าออกแบบดีไซน์ Anti-Curved Surface Design เพื่อความสบายในการขับขี่และโดยสาร คอนโซลหน้าบุหนังสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน มาตรวัดความเร็วพร้อมจอ MID ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว ระบบจอสัมผัส 8 นิ้ว กับลำโพงที่ให้เสียงไพเราะอีก 6 จุด และรักสบายด้วยระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold
ชูจุดเด่นของการขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้ากับแรงบิดสูงสุดที่มาตั้งแต่ต้น ทำให้เร่งได้แบบทันใจ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลา 8.8 วินาที ทำให้วิ่งได้ไกลถึง 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง กับ แบตเตอรี่ขนาด 50.3 kWh และมอเตอร์ที่มีพละกำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตร มาพร้อมรูปแบบการขับขี่ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal โหมด Eco และ โหมด Sport และในรุ่น PLUS นี้มีการติดตั้งแผ่นปิดห้องเครื่องด้านหน้า เพิ่มความเรียบร้อยและสะดวก ในการบำรุงรักษา แถมชาร์จไฟฟ้าได้ 2 แบบ คือ Quick Charge แบบ DC ชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 – 80% ในระยะเวลาประมาณ 40 นาที และ Normal Charge แบบ AC ชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 – 100% หัวชาร์จ TYPE II ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที
คุ้มค่ากับการเป็นเจ้าของด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำช่วยประหยัดได้ในระยะยาวโดยมีค่าใช้จ่ายการชาร์จไฟฟ้าตั้งแต่ 0-100% เฉลี่ยเพียง 200 บาท หรือเฉลี่ยค่าใช้จ่ายไม่ถึง 1 บาท ต่อกิโลเมตร จึงทำให้ประหยัดกว่ารถยนต์น้ำมัน กว่า 2-3 เท่า และในเรื่องของการดูแลรักษาที่ผู้บริโภคบางส่วนยังมีความกังวล ส่วนค่าใช้จ่ายในการเช็คระยะตลอดระยะทาง 100,000 กิโลเมตร อยู่ที่ประมาณ 7,828 บาท
NEW MG EP PLUS ราคาจำหน่าย 998,000 บาท มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีเงิน (Metallic Grey) และสีดำ (Black Knight) ส่วนรุ่น EP ปกติ ยังจำหน่ายอยู่ที่ 988,000 บาท แต่จำหน่ายเฉพาะกลุ่มลูกค้าองค์กรเท่านั้น