NETA V เอสยูวีเล็กพลังไฟฟ้าที่พร้อมให้คนไทยได้สัมผัสแถมเป็นรถยนต์ที่จับต้องได้ในราคาที่คุ้มค่าเมื่อได้เป็นเจ้าของสักคัน
สำหรับการเปิดตัว NETA V ที่จะเปิดตัวในวันที่ 20 กรกฎาคม นี้ แต่ทาง NETA Auto Thailand ประกาศเลื่อนวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ ทั้งนี้ ทาง NETA ให้เหตุผลในการเลื่อนวันว่าจากสถานการณ์ด้านการผลิตและสถานการณ์ด้านการขนส่ง ทำให้บริษัทฯไม่สามารถนำเข้ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เข้ามาจำหน่ายและส่งมอบให้กับลูกค้าในประเทศไทยได้ทันตามกำหนดดังกล่าวจึงมีความจำเป็นต้องเลื่อนการจัดงานแถลงข่าวไปเป็นวันที่ 24 สิงหาคม แทน
NETA V สร้างจากพื้นฐาน HPC Platform จุดเด่นที่หลังคาทรงสูงทัศนวิสัยมองชัดเจน ล้ออัลลอยลายเท่ 16 นิ้ว พร้อมยาง 185/65R16 หล่อด้วยไฟหน้า LED และ ไฟ DRL LED ในโคมเดียวกัน แบบ Hawk-eye Laser พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้ง จอสัมผัสขนาดใหญ่แนวตั้ง 14.6 นิ้ว รองรับคำสั่งภาษาไทย ที่เก็บสัมภาระด้านหลังก็กว้างจุใจ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้าน มาตรวัดดิจิทัลขนาดเล็กแต่มองชัดเจน
พลังความจุแบตเตอรี่คงเดิม Ternary Lithium Battery 38.54 kWh ให้กำลังมากถึง 95 แรงม้า แรงบิด 160 นิวตันเมตร โดยวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 380 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ความเร็วสูงสุด 100-130 กม./ชม.ขึ้นกับโหมดการใช้งาน (ความเร็วสูงสุดตามข้อมูลโรงงาน 101 กม./ชม.) พร้อมการชาร์จปกติแบบ AC 0-100% ได้ 8 ชั่วโมงและชาร์จเร็ว DC 30-80% ได้ประมาณ 30 นาที และอัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ทำได้ 3.9 วินาที โดยมีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวไวท์สตรอม, สีเทา, สีฟ้าเซรามิก, สีฟ้าคราม, สีชมพูซากุระ แถมมีการปรับเซตช่วงล่าง ปรับปรุง Software ภายในรถให้ลงตัวขึ้น โดยตั้งเป้าขายไว้ที่ 3,000 คัน ซึ่งตอนนี้มียอดจองกว่า 1,000 คัน *
ส่วนตัวแทนจำหน่ายทาง NETA พร้อมให้บริการทั้งกว่า 21 แห่งทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็นกรุงเทพฯและปริมณฑล 10 แห่ง ภาคเหนือ 4 แห่ง ภาคอีสาน 4 แห่ง ภาคใต้ 1 แห่ง ภาคตะวันออก 2 แห่งซึ่งบางที่เริ่มเปิดให้บริการแล้วและสิ้นปีนี้จะขยายไปถึง 28 แห่ง นอกจากสัมผัสที่โชว์รูมแล้วยังสามารถสัมผัสประสบการณ์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า NETA V ได้ที่ Neta Space บริเวณชั้นสองของห้างสรรพสินค้า Central พระรามสองซึ่งเปิดให้บริการแล้ว รวมถึงลานกิจกรรมชั้นหนึ่งของห้างสรรพสินค้า Central World ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมเป็นต้นไป และถ้า NETA ได้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าจากทางภาครัฐอาจได้เห็นค่าตัวราวๆ 5-6 แสนบาท
*ที่มาจาก ประชาชาติธุรกิจ
