ออสเตรเลียได้มีการทดสอบ Ducati DesertX กับการขับขี่สไตล์ผจญภัย เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพสำหรับน้ำมันเต็มถังนั้นสามารถวิ่งไกลได้สักแค่ไหน?
โดยโครงการนี้จะเริ่มจากเส้นทาง Alice Springs ถึง Finke Ducati Australia ภายใต้โครงการที่ชื่อ “ Mission: UnFinkeble ” โดยผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ขับ DesertX สำหรับการผจญภัย ครั้งนี้ ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Nick Selleck ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ของ Ducati และหัวหน้าผู้ฝึกสอน DRE Adventure Academy เป้าหมายของเขาคือการขี่ภูมิประเทศที่สมบุกสมบันระหว่าง Alic Springs และชุมชน Finke อีกครั้ง ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงหนึ่งวันกับน้ำมันหนึ่งถัง
การแข่งขัน Tatts Finke Desert Race เป็นที่นับถือและท้าทายพอสมควร ด้วยพื้นที่ห่างไกลในกำหนดการเดินทาง จึงคาดว่าจะไม่มีการหยุดเติมน้ำมัน และผู้ขับขี่มักจะฝ่าไฟไปตามเส้นทางในเวลาประมาณสองวันตามปฏิทินกิจกรรม เซลเลคที่เป็นผู้ทดสอบขี่รถ DesertX ในสต็อก จะต้องเดินทางทั้งหมดให้เสร็จภายในหนึ่งวันด้วยน้ำมันเพียงถังเดียว และกับ Ducati คันเดียวที่พร้อมที่สุดในบรรดารุ่นต่างๆ ในกลุ่ม
“เป็นเรื่องยากทีเดียวที่จะท้าทายทั้งคนและเครื่องจักรด้วยวิธีนี้ การสนับสนุนและความกระตือรือร้นที่โครงการได้รับนั้นเหลือเชื่อมาก”เซลเลคเล่า
Alana Baratto หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Ducati ออสเตรเลีย มองเห็นศักยภาพในการขับ DesertX ในทันที และ Nick กับหนึ่งในสนามแข่งที่โหดที่สุดในโลก เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถของรถรุ่นใหม่ในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบันของออสเตรเลีย
“ในขณะที่พวกเราจาก Ducati ออสเตรเลียหรือเพื่อนร่วมงานของเราในอิตาลีไม่มีใครสงสัยว่า DesertX สามารถรับมือกับ Finke ได้ แต่พารามิเตอร์ที่เราเพิ่มเข้าไปในความท้าทาย – ขี่ไปและกลับโดยใช้เชื้อเพลิงเท่านั้นที่จักรยานยนต์สามารถบรรทุกได้ – แน่นอนทำให้เราอยากรู้อยากเห็น ดูว่ามนุษย์และเครื่องจักรสามารถไปได้ไกลหรือไม่ ความท้าทายเพิ่มเติมในการขี่บนสนามแข่งหลังจากที่นักแข่งหลายร้อยคนฉีกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทำให้แน่ใจว่า Nick และ DesertX ไม่สามารถขี่ได้อย่างราบรื่นที่สุด” Ms. Baratto อธิบาย
ด้วยระยะทางแต่ละทาง 230 กิโลเมตร หรือประมาณ 142.915 ไมล์ นี่เป็นหนึ่งในเส้นทางที่ทรหดและยากที่สุดที่คุณต้องผ่านในออสเตรเลีย ทะเลทรายสีแดงกำลังรอคอยการผจญภัยของ Ducati แต่สำหรับเครดิตของแบรนด์แล้ว มันเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีความสามารถมากที่สุดจากโรงงาน
โดยจะติดตั้งล้อด้านหน้าขนาด 21 นิ้วและด้านหลังขนาด 18 นิ้ว นอกเหนือจากนั้น รถรุ่นนี้ยังมีเครื่องยนต์ Testastretta ขนาด 937 ซีซี ที่ให้กำลัง 110 แรงม้า ซึ่งสามารถเพิ่มเป็น 75 แรงม้าได้หากจำเป็น สิ่งที่ช่วยให้ DesertX เสร็จสิ้นการเดินทางคือถังเชื้อเพลิงเพิ่มเติมอีก 8 ลิตร (ประมาณ 0.26 แกลลอน) ที่ช่วยขยายระยะของการเดินทางได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ด้วยความจุ 8 ลิตร บวกกับถังน้ำมันหลัก 21 ลิตร (ประมาณ 5.55 แกลลอน) ทำให้จักรยานมีความจุ 29 ลิตร
โดยการทดสอบของ Selleck ได้ผ่านเข้าเส้นชัย เขารู้สึกโล่งใจและประทับใจกับการประหยัดเชื้อเพลิง การควบคุมรถ และประสิทธิภาพโดยรวมของจักรยานยนต์ โดยมีการกล่าวไว้ว่า: “ฉันภูมิใจอย่างมากกับสิ่งที่เราในฐานะทีมได้รับจากโครงการนี้ มีความเครียดส่วนตัวมากมายสำหรับฉันในช่วงเริ่มต้นด้วยการตระหนักว่าแทร็กนั้นอันตรายเพียงใด ระบบกันกระเทือนมาตรฐานของ DesertX จะรับมือได้หรือไม่ ร่างกายของฉันจะรับมือไหวไหม? ฉันจะทำมันโดยไม่เติมเชื้อเพลิงได้ไหม”
“มันเป็นความโล่งใจอย่างมากในหลาย ๆ ทางที่จะข้ามเส้นชัย ไม่ใช่แค่เพราะเราสร้างระยะทางทั้งหมด 460 กม. โดยใช้ถังน้ำมันจากโรงงานเท่านั้น แต่จักรยานยนต์คันนี้วิ่งได้ดีมากในภูมิประเทศที่หฤโหดเช่นนี้ อันที่จริง ฉันไม่ต้องวางประแจบนจักรยานเลยตลอดทั้งสัปดาห์ ยกเว้นการปรับคลิกเกอร์กับช่วงล่างมาตรฐาน! นั่นทำให้ฉันประหลาดใจและเป็นข้อพิสูจน์ถึงความทนทานของ Ducati”
“ผมประทับใจมากกับความง่ายที่เราทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ และผมอยากจะลองอีกครั้งกับเป้าหมายในการกำหนดเวลาที่ดี ใครจะไปรู้ บางทีเราอาจจะได้แข่งกันครั้งหน้าก็ได้!”
ซึ่งหากคุณสนใจที่ได้เห็นคลิปการทดสอบ DesertX โลดแล่นแบบออฟโรดในทะเลทราย Finke Ducati Australia สามารถติดตามสารคดีสั้นที่จะออกอากาศเร็วๆ นี้ ในเดือนสิงหาคม 2023 ทางช่อง rideapart
