นับเป็นยานยนต์รักษ์โลกที่ครองใจทั่วโลกมานานกว่า 20 ปี ผ่านมาสี่เจเนอเรชัน สำหรับ Toyota Prius เก๋งลิฟท์แบ็กตัวเก่งค่ายสามห่วง
ถึงแม้เมืองไทยเคยขายจริงจังตอนเจเนอเรชันที่ 3 พร้อมมรสุมลูกใหญ่ที่ผ่านมาจนต้องยุติขายสาวกชาวไทยที่ชื่นชอบถามถึงกันว่าจะมีโอกาสนำเจเนอเรชันใหม่เข้ามาขายอีกหรือไม่หลังหมดเจนที่ 3 ไปและไม่มีเจนที่ 4 เข้ามาอีกจนญี่ปุ่นและต่างประเทศขายหมดล่าสุดช่วงปีกลายเปิดตัว Toyota Prius เจเนอเรชันที่ 5 และไม่รอช้าทาง Toyota Motor ประเทศไทย นำเจนใหม่นี้จากญี่ปุ่นมาโชว์ตัวเพื่อเรียกกระแสกันที่งาน Bangkok Motor Show 2023
ด้วยดีไซน์ตัวรถดูเพรียวลงขึ้น หลังคารถลาดลงขึ้นกว่าเดิมแถมที่เปิดประตูในส่วนผู้โดยสารตอนหลังออกแบบให้ที่จับติดกระจกเสา C ในส่วนด้านหน้าเริ่มที่ไฟหน้า LED รูปตัว C พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียวกัน ล้อมรอบด้วยชุดกรอบไฟหน้าแปะตราโลโก้สามห่วงกลมกลืนกับชุดฝากระโปรงหน้าชุดกันชนหน้าออกแบบลงตัวด้านหลังมาในแบบไฟท้าย LED พาดเต็ม รูปตัว A โดยไส้ในของชุดไฟท้ายออกแบบมาเป็นแนวเรียวยาว พร้อมตราชื่อรุ่น Prius ติดเว้นช่องไฟดูสวยงามขึ้น รับกับชุดกันชนท้าย ตกแต่งกรอบป้ายทะเบียนสีดำตัวใหญ่ ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 19 นิ้ว พร้อมยาง 195/50R19 กับขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 195/60R17 ใช้พื้นฐาน TNGA GA-C หรือ Toyota New Global Architecture เจเนอเรชันที่สอง
ภายในชุดแผงคอนโซลหน้าพร้อมจอสัมผัสระบบความบันเทิงขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมแผงมาตรวัดดิจิทัล TFT LCD อยู่ตำแหน่งเดียวกับ Head-Up Display ขนาด 7 นิ้วพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านยกมาจากรุ่น bZ4X พร้อมเบาะนั่งดีไซน์ใหม่ทรงสปอร์ต เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 ปรับเอนได้หนึ่งระดับหุ้มวัสดุหนังสังเคราะห์ ติดตั้งไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light มาให้ หลังคาพาโนรามิกคู่แบบตายตัว เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone ที่ชารจ์มือถือไร้สาย wireless charger
ขุมพลัง HEV Hybrid มีสองขนาด เริ่มที่เบนซิน Hybrid 1.8 ลิตร 2ZR-FXE พัฒนาใหม่ให้มีเรี่ยวแรงมากขึ้น 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบ/นาที ภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ล้อหน้ารุ่น 1VM 95 แรงม้า แรงบิด 185 นิวตันเมตร และหลังสำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four รุ่น 1WM 41 แรงม้า แรงบิด 84 นิวตันเมตร ได้แรงม้ารวม 140 แรงม้า
เบนซินใหม่ Dynamic Force Hybrid 2.0 ลิตร M20A-FXS พร้อมระบบฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรง D-4S direct injection และควบคุมการเปิด-ปิด วาลว์ไอดี VVT-iE electric variable valve timing 152 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาทีแรงบิด 188 นิวตันเมตรที่ 4,400- 5,200 รอบนาทีนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า 1VM กำลัง 113 แรงม้า แรงบิด 206 นิวตันเมตรและ มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง 1WM ให้กำลังมากถึง 41 แรงม้า แรงบิด 84 นิวตันเมตรในรุ่น E-Four พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ทำงานร่วมกันให้พลังมากสุด 196 แรงม้าทุกขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four
และมีขุมพลัง Plug In Hybrid PHEV ใช้ขุมพลังเดียวกับรุ่น 2.0 Dynamic Force Hybrid 151 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาทีแรงบิด 190 นิวตันเมตรที่ 4,400- 5,200 รอบ/นาทีจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า 163 แรงม้า พร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ขึ้น 13.6 kWh ทำงานร่วมกันให้พลังมากสุด 223 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 94 กม.
รุ่นนี้ทาง Toyota เคลมว่าถ้าเติมน้ำมันเต็มถังและชาร์จไฟเต็มจะทำให้วิ่งไกลสุดรวม 1,250 กม.แถมยังมี Vehicle-2-Load (V2L) เปลี่ยนรถยนต์ให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ 1,500 W มีฟังก์ชั่น “regenerative boost” หรือ One Pedal ซึ่งมีประโยชน์ในการขับขี่ ไม่ว่าจะเบรกหรือชะลอความเร็วและสามารถชาร์จพลังงานกลับในสภาพถนนการขับขี่ คู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
พร้อมช่วงล่างอิสระสี่ล้อทั้งแมคเฟอร์สันสตรัทสำหรับด้านหน้าและด้านหลังแบบดับเบิลวิชโบนทำให้มีการตอบสนองที่ดีขึ้นเมื่อเข้าโค้งและมีเสถียรภาพที่ดีขึ้นสำหรับการขับขี่ในแนวตรงและความปลอดภัย Toyota Safety Sense และ Toyota Teammate รวมถึง Advanced Park
Toyota Prius เจเนอเรชันที่ 5 อาจมีโอกาสกลับเข้ามาขายในไทยในอนาคตจะเป็นรุ่น HEV หรือ PHEV รุ่นไหนจะมีโอกาสมาขายในไทยไม่ว่าจะมาเดี่ยวหรือมาคู่ต้องติดตาม